LOADING

Type to search

จีนสมองไหล ‘คนรวย’ แห่ย้ายประเทศ ยอดค้นคำ ‘ย้ายประเทศ’ เพิ่ม 5 เท่า ทุนไหลออกนับ 5 ล้านล้าน

จีนสมองไหล ‘คนรวย’ แห่ย้ายประเทศ ยอดค้นคำ ‘ย้ายประเทศ’ เพิ่ม 5 เท่า ทุนไหลออกนับ 5 ล้านล้าน
Share

หลายคนอาจนึกในใจ “ช่วงนี้หันไปทางไหนก็เจอแต่คนจีน” ทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่เดินทางเข้ามา หลังจากรัฐบาลปักกิ่ง อนุญาตให้ประชาชนเดินทางเข้า-ออกประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19

การเปิดประเทศครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เกิด ‘การเที่ยวล้างแค้น’ เพราะอัดอั้นมาหลายปี ยังเกิดกระแส ‘ย้ายประเทศ’ ในหมู่ชาวจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีฐานะดีที่พยายามหาลู่ทางอพยพย้ายถิ่นฐานกันมากขึ้น

โซบิรอฟส์ (Sobirovs) บริษัทกฎหมายการอพยพย้ายถิ่นฐานในแคนาดา เปิดเผยว่า พวกเขาได้รับการติดต่อจากคนจีนเข้ามามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยลูกความส่วนใหญ่ปรารถนาจะย้ายถิ่นฐานให้เร็วที่สุด

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากนโยบายของรัฐบาลจีนในระยะหลัง นอกจากจะใช้มาตรการ ‘ซีโร่-โควิด’ เข้มงวดเกินไป จนกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนและเกิดปัญหาปากท้อง

รัฐบาลปักกิ่งยังมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับธุรกิจเอกชน โดยเฉพาะความพยายามกวาดล้างธุรกิจภาคเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ และการศึกษา พร้อมผลักดันนโยบาย ‘ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน’ (Common Prosperity) จนผู้มีอันจะกินเริ่มหวาดหวั่นและไม่แน่ใจอนาคตของตัวเอง

คลื่นเศรษฐีอพยพและคำค้นหา ‘ย้ายประเทศ’

กระแสย้ายประเทศของคนจีนยุคใหม่เริ่มเด่นชัดตั้งแต่ปี 2022 โดย ‘เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์’ (Henley & Partners) บริษัทที่ปรึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลการเคลื่อนย้ายการลงทุนโลก รายงานว่า ปี 2022 มีเศรษฐีจีนราว 10,800 คน อพยพไปต่างแดน นับเป็นตัวเลขสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2019 และมากเป็นอันดับสอง รองจากรัสเซีย

เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ เผยว่า บริษัทได้รับการติดต่อขอคำปรึกษาเรื่องการอพยพย้ายถิ่นฐานจากคนจีนเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า ภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากรัฐบาลจีนประกาศลดระดับความน่ากลัวของโควิด-19 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2023 และเตรียมยกเลิกมาตรการ ‘ล็อกดาวน์’ ทั้งหมด

ทันทีที่มีคำประกาศดังกล่าว ยอดการค้นหาคำว่า ‘ย้ายประเทศ’ (emigration) ใน WeChat โซเชียลมีเดียชื่อดังของจีน มีจำนวนพุ่งขึ้นเกือบ 5 เท่า เทียบกับหนึ่งวันก่อนหน้านั้น โดยมีการค้นหาคำนี้ทั้งหมด 110.7 ล้านครั้ง

รวยจริงต้องคิดไกล ไทยคือเป้าหมายย้ายประเทศ

จากรายงานของ ‘เครดิต สวิส กรุ๊ป’ ในเดือนกันยายน 2022 พบว่า จีนนับเป็นประเทศที่มีจำนวนมหาเศรษฐีมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา โดยชาวจีนที่มีความมั่งคั่งเกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ มีจำนวนมากกว่า 32,000 คน

เดนนี โค (Denny Ko) ทนายความด้านการย้ายถิ่นฐานในฮ่องกง ซึ่งรับให้คำปรึกษาลูกความที่เป็นเศรษฐี กล่าวว่า คนจีนที่รวยจริงๆ ส่วนใหญ่จะมีแผนฉุกเฉินเตรียมไว้ล่วงหน้าหลายปี ส่วนผู้ที่เพิ่งมองหาลู่ทางย้ายประเทศช่วงนี้ มีแนวโน้มเป็นคนรวยระดับรองลงมา รวมถึงชนชั้นกลางระดับบน ผู้ประกอบการ และผู้บริหารระดับอาวุโส

ประเทศที่ชาวจีนนิยมไปตั้งรกรากนอกจากอยู่ในยุโรป สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ยังรวมถึงสิงคโปร์ และประเทศไทย โดยสำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายที่คนจีนต้องการมาอาศัย เพราะค่าครองชีพถูก มีโรงเรียนนานาชาติ และวิถีชีวิตสบายๆ ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป

“คนจีนมาที่นี่ด้วย 2 เหตุผล” ติง ยี่ (Ting Ye) ผู้จัดการอสังหาฯ จากเมืองเซินเจิ้น ซึ่งขายอสังหาฯ ใน จ.ชลบุรี กล่าว

“เหตุผลแรกคือมาลงทุน พวกเขามาซื้อคอนโดและบ้านเพื่อปล่อยเช่าหรือขายต่อ เหตุผลที่สองคือมาอยู่อาศัย คนจำนวนมากอยากอยู่ประเทศไทย เพราะค่าครองชีพถูกและมีโรงเรียนนานาชาติ ส่วนผู้สูงวัยก็เลือกมาที่นี่เพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณ”

เงินทุนไหลออกปีละ 5 ล้านล้านบาท

Juwai IQI บริษัทช่วยเหลือผู้ขายอสังหาฯ ทั่วโลกเข้าถึงลูกค้าในเอเชีย เปิดเผยว่า จำนวนลูกค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ติดต่อมาเพื่อหาซื้ออสังหาฯ ต่างแดน มีจำนวนลดลง 26 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2021 และลดลง 11 เปอร์เซ็นต์ในปี 2022 แต่เพิ่มขึ้นถึง 55 เปอร์เซ็นต์ในปี 2023 และยังคงอยู่ในระดับนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ก่อนการระบาดของโควิด-19 จีนเผชิญปัญหาเงินทุนไหลออกปีละประมาณ 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (เกือบ 5 ล้านล้านบาท) แต่ตัวเลขนี้น่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2023 เนื่องจากชาวจีนจำนวนมากไม่ได้ออกนอกประเทศกันมานาน 3 ปี

ข้อมูลนี้มาจาก อลิเซีย การ์เซีย แอร์เรโร (Alicia Garcia Herrero) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของ Natixis SA วาณิชธนกิจชื่อดังของฝรั่งเศส

“จีนจะเผชิญเงินทุนไหลออกครั้งใหญ่ในปีนี้ และน่าจะส่งผลกดดันค่าเงินหยวนและบัญชีเดินสะพัด” เธอกล่าวถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวและกระแสย้ายประเทศ

ปัจจุบัน จีนมีกฎหมายควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เข้มงวด พลเมืองจีนสามารถแลกเงินหยวนเป็นเงินต่างชาติได้ไม่เกินปีละ 50,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.6 ล้านบาท)

แม้จะมีข้อบังคับนี้ แต่การเปิดประเทศที่เกิดขึ้น สามารถทำให้เงินทุนไหลออกเป็นจำนวนมหาศาลได้จากการเดินทางท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว

“หากมีคนออกไปเที่ยวนอกประเทศหลายล้านคนปีนี้ อาจคิดเป็นเงินรวมกันหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มแรงกดดันไปยังทุนสำรองระหว่างประเทศในคลัง” เฉิน ซีวู่ (Chen Zhiwu) ศาสตราจารย์ด้านการเงินของมหาวิทยาลัยฮ่องกง (Hong Kong University) กล่าว

ความวิตกเรื่องเงินทุนไหลออกของจีน สวนทางกับความดีใจของประเทศปลายทาง ซึ่งพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวจีน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดว่า เฉพาะไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยน่าจะมีจำนวนประมาณ 300,000 คน และหากนับรวมตลอดทั้งปี คาดว่าจะมีมากถึง 5 ล้านคน

ตัวเลขดังกล่าวยังไม่นับนักลงทุนและบรรดาเศรษฐีชาวจีนจำนวนมากที่พากันย้ายประเทศเข้ามา ซึ่งนั่นอาจเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า “ทำไมช่วงนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่คนจีน”

เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun

Sources: https://bit.ly/403Wzvq

https://bit.ly/3j69zQv

Tags::

You Might also Like