Type to search

ญี่ปุ่นกางปฏิทินชมซากุระ – ฮ่องกงแจกตั๋วบินฟรี เมื่อ ‘ท่องเที่ยว’ คือเส้นเลือดใหญ่เศรษฐกิจยุคใหม่

February 04, 2023 By Future Trends

เมืองท่องเที่ยวทั่วโลกทยอยออกแคมเปญโปรโมตการท่องเที่ยวรับเทรนด์ ‘เที่ยวล้างแค้น’ หลังวิกฤตโควิด-19 ทำให้หลายคนไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศมานานหลายปี ล่าสุด ญี่ปุ่นกางปฏิทินพยากรณ์วันดอกซากุระบานทั่วประเทศแล้ว 

ขณะที่ ฮ่องกงประกาศแจกตั๋วเครื่องบินฟรี 500,000 ใบ หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น (JMC) เผยพยากรณ์ช่วงเวลาเบ่งบานของดอกซากุระทั่วประเทศในปี 2023 ฉบับแรก คาดว่า ดอกซากุระจะเริ่มผลิบานที่แรกในกรุงโตเกียว วันที่ 21 มีนาคม และจะบานเต็มที่วันที่ 29 มีนาคม 

ส่วนเมืองเกียวโต และโอซากา จะเริ่มบานตั้งแต่วันที่ 27 และ 28 มีนาคม ตามลำดับ และคาดว่าจะบานเต็มที่พร้อมกันในวันที่ 4 เมษายน ขณะที่ ฮอกไกโด เมืองทางภาคเหนือ ซากุระจะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนเมษายน และบานเต็มที่ในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้

เทศกาลชมซากุระเป็นประเพณีเก่าแก่ของญี่ปุ่น และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะนอกจากความสวยงามของดอกซากุระสีขาวอมชมพูที่บานสะพรั่งพร้อมกันละลานตา ยังเป็นเทศกาลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่มีสีสันสดใส

โดยทั่วไป ฤดูชมซากุระในญี่ปุ่น จะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายน ส่วนพื้นที่อากาศเย็น เช่น ภาคเหนือ ซากุระจะบานช้ากว่าเล็กน้อย 

เมื่อเริ่มผลิบาน ซากุระจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงบานเต็มที่ หลังจากนั้น จะบานอยู่บนต้นให้คนชื่นชมอีกประมาณ 2 สัปดาห์ และค่อยๆ ร่วงหล่นไป ใครที่พลาดชมต้องรอปีถัดไปถึงจะกลับมาเบ่งบานใหม่อีกครั้ง

เทศกาลชมซากุระ ถือเป็นหนึ่งในงานไฮไลต์ประจำปีที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าญี่ปุ่นได้เป็นจำนวนมาก แต่ระหว่างเกิดโควิด-19 แพร่ระบาดที่ผ่านมา ชาวต่างชาติไม่สามารถเข้าร่วมเทศกาลได้ เนื่องจากมาตรการป้องกันโรคระบาดที่เข้มงวด

ดังนั้น ปี 2023 จึงนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ที่ญี่ปุ่นเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมงาน หลังจากเปิดประเทศอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2022 โดยหวังว่า งานชมดอกซากุระบานประจำปี จะช่วยฟื้นการท่องเที่ยวที่ซบเซาให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ฮ่องกงแจกตั๋วบินฟรี 5 แสนใบ

ข้ามมาที่ฝั่งฮ่องกง ดินแดนซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นฮับของเอเชีย และเคยมีสนามบินนานาชาติคึกคักที่สุดในเอเชีย หลังจากเผชิญวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองภายใน จากการลุกฮือประท้วงของคนรุ่นใหม่ และต่อด้วยมาตรการควบคุมโควิด-19 อันเข้มงวด ทำให้ดินแดนแห่งนี้ซบเซา ไม่คึกคักเหมือนเช่นเคย

นั่นเป็นเหตุผลให้ จอห์น ลี ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ของจีน ต้องออกแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งเขาบอกว่า น่าจะเป็นแคมเปญท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้ชื่อว่า ‘Hello Hong Kong’

ไฮไลต์ของแคมเปญนี้ คือ การแจกตั๋วเครื่องบินฟรีให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 500,000 ใบ โดยจะแจกผ่านสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก และสายการบินลูก ‘เอชเค เอ็กซ์เพรส’ (HK Express) รวมถึงสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2023 เป็นต้นไป โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน

วิธีการแจกมีหลากหลาย รวมถึงการสุ่มแบบลอตเตอรี และซื้อ 2 แถม 1 นอกจากนี้ ฮ่องกงยังมีแผนแจกตั๋วบินฟรีอีก 80,000 ใบ ให้พลเมืองของตนเอง และอีก 80,000 ใบ ให้ผู้อยู่อาศัยใน Greater Bay Area ละแวกใกล้เคียง เพื่อใช้เดินทางในช่วงฤดูร้อนปีนี้ หวังช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการบินให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

การท่องเที่ยวคือหัวใจกระตุ้นเศรษฐกิจยุคใหม่

แม้ในช่วงโควิดแพร่ระบาด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถูกตั้งคำถามอย่างหนักถึงอนาคตในการเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของโลกยุคใหม่

หลายคนเสนอให้รัฐบาลเลิกพึ่งพาการท่องเที่ยว หันไปพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอื่นเพื่อหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ เนื่องจากมองว่า การพึ่งพาการท่องเที่ยวอาจสุ่มเสี่ยงเกินไป หากเกิดวิกฤตโรคระบาดอย่างโควิด-19 ซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง

แต่หลังจากนานาชาติกลับมาเปิดประเทศ และชาวโลกค่อยๆ กลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติอีกครั้ง ดูเหมือนการท่องเที่ยวจะยังเป็นความหวังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยสังเกตจากแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ออกมาในหลายประเทศ

ทั้งนี้ เนื่องจากเม็ดเงินจากภาคการท่องเที่ยวและบริการ นอกจากจะมาไว และใช้ทุนต่ำกว่าภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ มันยังกระจายไปถึงคนทุกระดับในวงกว้างมากกว่าหลายอุตสาหกรรม

ข้อมูลจากสภาการท่องเที่ยวโลก (World Travel and Tourism Council) ในปี 2019 ก่อนการระบาดของโควิด พบว่า หลายประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียน พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยกัมพูชาพึ่งพามากที่สุด คิดเป็น 25.8 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) รองลงมาคือ ฟิลิปปินส์ 22.5 เปอร์เซ็นต์ของ GDP

ส่วน ไทย อยู่อันดับ 3 คิดเป็นสัดส่วน 20.3 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ขณะที่ ฮ่องกง ตัวเลขอยู่ที่ 12.1 เปอร์เซ็นต์ และ ญี่ปุ่น 7.3 เปอร์เซ็นต์

นักวิเคราะห์ประเมินว่า เศรษฐกิจฮ่องกงสูญเสียความสามารถในการเติบโตไปถึง 27,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากผลกระทบของโรคระบาด และมาตรการควบคุมโควิด-19 อันเข้มงวด

เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ซึ่งเคยมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากถึง 31.8 ล้านคน ในปี 2019 ก่อนโควิดระบาด แต่ปี 2022 เหลือเพียง 3.83 ล้านคน

นั่นคือเหตุผลให้ประเทศเหล่านี้ ต้องเร่งออกแคมเปญดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับเข้าไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเพิ่งได้รับอิสรภาพ หลังจากรัฐบาลปิดประเทศมานาน 3 ปี และน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่สุดที่ต้องการ ‘เที่ยวล้างแค้น’ ในช่วงนี้

ท่ามกลางความหวังว่า ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ช่วยอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบ และทำให้เศรษฐกิจของประเทศปลายทางกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้นโดยเร็ว แม้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในปี 2023 ดูจะยังไม่สดใสนักก็ตาม

เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun

Sources: http://bit.ly/3Y0WdEo

http://bit.ly/3lasydz