Virtual Being ประชากรแห่งโลกเสมือน เมื่อการมีตัวตนไม่จำเป็นต้องมีอยู่จริง
ในอนาคตเราอาจได้มีโอกาสพบปะ พูดคุย ปฏิสัมพันธ์กับใครสักคนบนออนไลน์ได้เหมือนที่เจอกันต่อหน้าในทุกวันนี้ และในวันนั้น คนที่คุณได้เจอบนออนไลน์ เหมือนที่เจอกันตัวเป็น ๆ นี้ อาจเป็นตัวตนที่มีอยู่แค่บนพื้นที่ออนไลน์เท่านั้นก็เป็นได้
Virtual Being คือแนวคิดที่ครอบคลุมตัวตน หรือบุคคลเสมือนทั้งหมดไว้ และนี่ไม่ใช่แค่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้ในวันนี้
เช่น Virtual Influencer บุคคลเสมือนที่รับงานโปรโมทสินค้า มีโปรไฟล์บนโลกออนไลน์เหมือนบุคคลจริง ๆ (อ่านเรื่องของ ‘กะทิ’ Virtual Influencer สัญชาติไทย ได้ที่ : https://web.facebook.com/futuretrends.th/posts/1534067143626392)
หรือ VTuber ยูทูปเบอร์เสมือนที่กำลังได้รับความนิยม และมีออกมาให้เห็นอย่างหลากหลาย พวกเขามีรูปลักษณ์ภายนอกที่สร้างจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิก แต่ก็ยังสามารถทำคอนเทนต์วิดีโอ แคสต์เกม ร้องเพลง หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ออกมาให้ผู้ชมติดตามได้ (ล่าสุด hololive ค่าย VTuber รายใหญ่ก็ยังมีการจัดคอนเสิร์ตจากตัวละครของพวกเขาขึ้นด้วย)
นอกจากนี้ก็ยังมี Fictional Character หรือตัวละครสมมติ ที่เริ่มมีความเป็นตัวตนมากขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Hatsune Miku ตัวละครจากโปรแกรมเสียงสังเคราะห์ Vocaloid ที่กลายมาเป็นไอคอนหนึ่งของวงการดนตรีญี่ปุ่น และมีการจัดคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ของตัวเอง
หรือทางฝั่งเกาหลี ก็ยังมี K/DA วง K-Pop ที่มีสมาชิกเป็นตัวละครจากเกม League of Legends ซึ่งควบทั้งบทบาทวงดนตรี ไอดอล ไปจนถึงอินฟลูเอนเซอร์
แน่นอนว่าในวันนี้ตัวละครเหล่านี้มีตัวตนอยู่แค่ในพื้นที่เสมือน หรือในออนไลน์เท่านั้น หากเรามองด้วยมุมมองของวันนี้ การมีตัวตนอยู่ของตัวละครเหล่านี้เหมือนมีอยู่แค่ในจินตนาการเท่านั้น
แต่นั่นอาจเป็นเพราะขีดจำกัดทางเทคโนโลยีที่ทำให้ความเป็นจริง กับความเสมือนจริงยังคงห่างไกลกันอยู่ หากวันหนึ่งเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงจุดที่พื้นที่เสมือน หรือโลกออนไลน์นั้นใกล้เคียงกับความเป็นจริงกว่านี้ละ สิ่งเหล่านี้จะเป็นอย่างไร
เรากำลังเดินหน้าเพื่อเข้าสู่ยุคของ Metaverse อนาคตที่โลกออนไลน์จะกลายเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่าที่เคย ด้วยการสร้างโลกเสมือนในรูปแบบสามมิติ ที่เราสามารถปฎิสัมพันธ์กับมันได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น
และแน่นอนว่า แม้ในตอนแรกเทคโนโลยีคงไม่อาจสามารถสร้างโลกออนไลน์ที่ใกล้เคียงกับโลกความเป็นจริงได้มากนัก แต่วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีจะยิ่งกลบช่องว่างนั้นไปเรื่อย ๆ
หากวันหนึ่งเทคโนโลยีสามารถทำให้สิ่งสมมติมีรูปลักษณ์ หน้าตา สามารถกลมกลืนไปได้กับผู้คน และสามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้เหมือนมนุษย์ สิ่งนั้นจะสามารถนับว่ามีตัวตนอยู่ หรือยังเป็นเพียงแค่อัลกอริธึมที่พยายามเลียนแบบมนุษย์กันแน่
Fable Studio คือสตูดิโอนักพัฒนา VR ที่กำลังท้าทายกับเรื่องนี้ พวกเขาได้พัฒนา Lucy ปัญญาประดิษฐ์ที่คิดและสื่อสารได้เหมือนกับเด็กอายุ 8 ขวบ
สตูดิโอแห่งนี้พยายามพัฒนา Lucy ให้เป็นเหมือนกับคนจริง ๆ มากที่สุด ด้วยการให้ความสามารถในการเรียนรู้การแสดงออกทางสีหน้า และสามารถแสดงออกทางอารมณ์ได้จากด้วยการจดจำ และเรียนรู้ของ AI
และแม้แต่ภาษาที่เธอใช้ในการสื่อสาร ก็เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ และประมวลผลคำด้วยหนึ่งในโปรแกรม AI ที่เคยโด่งดังมาแล้วอย่าง GPT-3 ที่เคยสามารถเขียนบทความจนติด Top Read บนเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเองมาแล้ว ผสานกับเทคโนโลยี AI อื่น ๆ
ทำให้ Lucy กลายเป็น AI ที่สามารถเลียนแบบมนุษย์ได้ดีที่สุดตัวหนึ่งในวันนี้ และสามารถสื่อสารได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในตอนนี้ Fable Studio ก็กำลังเปิดให้ผู้คนสามารถลงทะเบียน เพื่อโอกาสในการได้พูดคุยกับ Lucy ผ่านโปรแกรมสนทนาออนไลน์อย่าง Zoom, Facebook และ Google Hangout (ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่: https://fable-studio.com/behind-the-scenes/ai-generation)
ในวันนี้ยังมี Virtual Being และตัวตนเสมือนจริงที่เกิดขึ้นมามากมายเพื่อรับบทบาทต่าง ๆ ตั้งแต่อินฟลูเอนเซอร์ นักดนตรี ยูทูปเบอร์ หรือแม้แต่เพื่อน (เช่นแนวคิดของ Replika แอปฯ ที่ให้ปัญญาประดิษฐ์ส่วนตัวมาเป็นเพื่อนกับคุณ)
แต่แม้แต่ Virtual Being ที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมือนกับมนุษย์มากที่สุด ก็คงไม่สามารถได้รับการยอมรับว่าเป็นสิ่งที่มีตัวตนอยู่จริง
แต่ต่อไปหากเทคโนโลยีสามารถพัฒนาขึ้น สามารถเลียนแบบมนุษย์ได้ดีขึ้น แสดงออกให้เรารู้สึกถึงอารมณ์ และตัวตนของมันได้มากขึ้น ในวันนั้นเทคโนโลยีจะสามารถโน้มน้าวเราได้ไหมว่ามันเองก็เป็นสิ่งที่มีชีวิตมีตัวตนอยู่จริง (Being) เช่นกัน
Source: https://bit.ly/3vM9OCF