จากหนังไซไฟ สู่โลกเสมือนจริง ‘Mojo Lens’ คอนแทคเลนส์ AR ตัวแรกของโลก เห็นทุกสิ่งเหมือนจริงยิ่งกว่าฝัน
ไหน ใครเป็นแฟนคลับหนังไซไฟ (Sci-fi) ยกมือขึ้น!
หากพูดถึงหนังไซไฟแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราน่าจะนึกถึงไม่แพ้เนื้อเรื่องที่ล้ำเหนือจินตนาการมากๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นไอเทมพิเศษที่ใช้ในการต่อสู้กับเหล่าวายร้ายอย่างแน่นอน ซึ่งตอนที่ดูหนังอยู่นั้น เราจะรู้สึกว่า ไอเทมเหล่านี้ เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก หากมีในครอบครองด้วยแล้วคงจะเท่น่าดู
แต่ต้องบอกเลยว่า ในตอนนี้ มีไอเทมจริงที่น่าทึ่งกว่าไอเทมในหนังไซไฟมากๆ แล้ว อาจจะเรียกได้ว่า นี่คือยุคของการถอดแบบไอเทมในฝัน ให้กลายมาเป็นไอเทมสุดเจ๋งในชีวิตจริงของเรา
โดยไอเทมสุดเจ๋งที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันในวันนี้ ก็คือ ‘Mojo Lens’ สมาร์ตคอนแทคเลนส์ (smart contact lens) ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสกับชีวิตที่สะดวกสบายมากกว่าที่เคย ซึ่งเจ้าคอนแทคเลนส์ชนิดนี้ จะมีความพิเศษอย่างไร เราจะเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ
ย้อนกลับไปในปี 2020 Mojo Vision บริษัทสตาร์ตอัป (startup) ที่ตั้งอยู่ในซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) ได้เปิดตัวแบบจำลองของ Mojo Lens สมาร์ตคอนแท็กต์เลนส์ตัวแรกของโลกในงาน CES 2020 ซึ่งเป็นเลนส์ที่ถูกพัฒนามาเพื่อคนที่มีวิสัยทัศน์ในการมองเห็นไม่ชัด โดยภายในเลนส์ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ อย่างจอภาพความละเอียดสูง เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และอื่นๆ อีกมากมาย
หลังจากที่ Mojo Lens เปิดตัวไปนั้น ก็สามารถระดมทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพได้ถึง 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 3,200 ล้านบาท และในปี 2022 นี้ Mojo Lens ก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการอัปเดตแบบจำลองล่าสุดที่มีการบรรจุ MicroLED จำนวนมากอยู่ภายในเลนส์ ซึ่ง MicroLED คือเทคโนโลยีจอแสดงผลใหม่ล่าสุดที่ให้ความคมชัดสูง และมีขอบเขตสี (color gamut) กว้าง ทำให้สามารถแสดงสีได้สวยมากขึ้น
หากทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงเกิดความคาดหวังในใจกันแน่ๆ ว่า ภาพที่เห็นผ่านเลนส์ชนิดนี้ จะเป็นอย่างไรบ้างนะ คุณภาพของภาพจะเหมือนกับที่เห็นผ่านแว่น VR (Virtual Reality) หรือเปล่า ก็ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ในตอนนี้ การแสดงผลของเลนส์สามารถแสดงผลให้เห็นได้แค่ตัวอักษรกับกราฟิกพื้นฐานเพียงสีเดียว (monochrome) เท่านั้น คล้ายๆ กับการแสดงผลบนสมาร์ตวอตช์ (smart watch) มากกว่า
นอกจากนี้ ข้อจำกัดในการเชื่อมต่อก็ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเพื่อใช้งานจริงด้วยเช่นกัน ด้วยความที่เลนส์ชนิดนี้ ไม่สามารถทำงานได้เอง จึงต้องพึ่งพาคำสั่งจากอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ อยู่ ซึ่งแบบจำลองล่าสุดนี้ ยังไม่สามารถทำได้เช่นนั้น เพราะเมื่อมีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย เลนส์จำเป็นที่จะต้องมีพลังงานจากแบตเตอรี่มากขึ้น รวมถึงระยะเชื่อมต่อระหว่างเลนส์กับอุปกรณ์ส่งคำสั่งนั้น มีระยะสั้นมาก ไม่สามารถเอาไปใช้งานจริงได้
ทั้งจอภาพที่แสดงได้แค่สีเดียว และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ยังไม่สามารถใช้งานได้จริง คงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทีมนักพัฒนาต้องเอาชนะให้ได้ เพราะหากไม่สามารถพัฒนาความสามารถของเลนส์ชนิดนี้ให้ทัดเทียมอุปกรณ์อื่นที่มีอยู่เดิมได้ ก็คงไม่สามารถดึงดูดใจผู้บริโภคให้เปลี่ยนใจมาใช้เลนส์ชนิดนี้แทนได้อย่างแน่นอน
หากในอนาคต การพัฒนา Mojo Lens ทำได้สำเร็จ มันจะเปลี่ยนชีวิตเราอย่างไรบ้าง?
อย่างแรก คงเป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพ ด้วยความที่ในตอนนี้ Mojo Lens ได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถหลายๆ อย่างคล้ายกับสมาร์ตวอตช์แล้ว หากในอนาคตมีการนำเลนส์ชนิดไปจับคู่กับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) แล้วทำให้เรามองเห็นอัตราการเต้นของหัวใจแบบเสมือนจริงขึ้นมา คงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเช่นกัน
นอกจากนี้ เลนส์น่าจะยังมีประโยชน์กับคนที่ชอบเดินทาง ยิ่งสายแบ็กแพ็กที่ต้องพกแผนที่ แผนการเดินทาง และเอกสารอื่นๆ เต็มสองไม้สองมือด้วยแล้ว การใช้ Mojo Lens คงทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป เพราะสามารถเอาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งหมดมาใส่ไว้ในเลนส์ และเปิดดูระหว่างที่เดินทางได้เลย หรือในอนาคต หากทีมนักพัฒนามีการเพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพลงไปในเลนส์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเก็บภาพความทรงจำแบบที่ตาเห็นไว้ได้ด้วย ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
ถึงแม้ว่า ในตอนนี้ หนทางสู่การใช้งานจริงของ Mojo Lens จะยังอีกยาวไกลนัก และคงมีอุปสรรคอีกมากมายที่รอให้ทีมนักพัฒนาต้องฝ่าฟันไปอีกมากมาย อย่างการทดลองใช้งานจริงในคน การขอการรับรองจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ เพราะคอนแทคเลนส์ก็ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทางการแพทย์เช่นเดียวกัน
และเราก็เชื่อมั่นว่า หากทีมนักพัฒนาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดไปได้ Mojo Lens คงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สามารถเปลี่ยนโลก รวมถึงเปลี่ยนการใช้ชีวิตของเราได้อย่างแน่นอน
Sources: https://cnet.co/3vBvj91