Blue Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม อาวุธลับสำคัญที่ทำให้ Boost Juice ขายดีจนคิวยาว

เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว บูสต์จูซ (Boost Juice) ร้านสมูทที น้ำผักผลไม้เจ้าดังสัญชาติออสเตรเลียได้ขยายสาขามาเปิดที่ไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งภายหลังก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นจำนวนมากจนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่า ผ่านไปแถวหน้าร้านทีไร คิวก็ยังยาวไม่เคยขาดสาย และดูทรงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกฮิตกันเลยสักนิด

ทั้งที่ในบ้านเรา ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่างก็มีร้านน้ำผลไม้ปั่นกันอยู่ทุกย่อมหญ้า ราคาก็ถูกกว่าตั้งเท่าตัว แต่บูสต์จูซก็ยังคงทำกำไรได้จำนวนมาก ขยายสาขาไปมากกว่า 582 สาขาทั่วโลก และมีมูลค่าธุรกิจสูงถึง 350 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ

แล้วอะไรคืออาวุธลับสำคัญที่ทำให้ร้านเจ้าดังนี้แตกต่างจนกลายเป็นอาณาจักรสมูททีน้ำผักผลไม้ปั่น? วันนี้ Future Trends จะพาคุณไปย้อนดูกุญแจความสำเร็จผ่านกลยุทธ์ที่ชื่อว่า “Blue Ocean Strategy” กันค่ะ

เกริ่นก่อนว่า กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม (Blue Ocean Strategy) คือกลยุทธ์ที่ไม่ได้เน้นการแข่งขันทางด้านราคาเป็นหลัก แต่เป็นกลยุทธ์ที่มีโฟกัสเรื่องของการชูจุดเด่น สร้างความแตกต่างให้สินค้าที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนแทน โดยหลายๆ ธุรกิจก็เคยนำไปใช้ด้วยกัน เช่น เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) บริการสตรีมมิงแบบรายเดือน และใช่ค่ะ! หนึ่งในนั้นก็มีบูสต์จูซ อาณาจักรสมูททีน้ำผักผลไม้ปั่นเจ้านี้ด้วย

อย่างแรกที่ถูกชูโรงขึ้นมานั่นก็คือ ‘การนำเสนอน้ำผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ’ ค่ะ โดยจะมีการปั่นเนื้อละเอียด ไม่แต่งสีหรือกลิ่นสังเคราะห์ ไม่ใส่สารกันบูด คัดสูตรเข้มข้นมาแบบเน้นๆ ส่งตรงถึงมือลูกค้า ซึ่งก็จะพิเศษขึ้นมาอีกหน่อยตรงที่มี ‘ผง booster’ ผงวิตามิน โปรตีน และสารอาหารต่างๆ ที่เป็น optional ให้ลูกค้าสามารถเลือกใส่เพิ่มในเมนู รวมไปถึงยังมีการปั่นแบบใส่เวย์โปรตีนอีกด้วย

หากพูดกันตามตรงแล้ว น่าจะยังไม่มีร้านไหนที่เคยทำแบบนี้มาก่อน ทางร้านถือเป็นเจ้าแรกเลย ประกอบกับการที่ให้ลูกค้าสามารถ customized เมนูได้ตามใจชอบ เลือกได้ว่า อยากใส่อะไรบ้าง? mix กับอะไร? แต่ถ้าสมมติคิดไม่ออก ทางร้านเขาก็มีเมนูฮิตที่ลูกค้าท่านอื่นๆ ชอบสั่งกันเป็นประจำให้ด้วย

นอกจากนี้การก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นในสายสุขภาพก็นับเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจมาก เพราะเทรนด์รักสุขภาพช่วงนี้กำลังมาแรง ยิ่งในบ้านเรา เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ชีวิตของทุกเพศ ทุกวัยสุดๆ ด้วยไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เร่งรีบอยู่ตลอด แต่อยากมีสุขภาพที่แข็งแรง บวกกับสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่ว่าจะทานรองท้อง ทานเพื่อสุขภาพ หรือซื้อไปฝากญาติผู้ใหญ่ที่บ้าน ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสทองที่ทางร้านคว้าเอาไว้ได้อย่างดีเลยทีเดียว

ถัดมาที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คงเป็น ‘การสร้างอัตลักษณ์ที่โดดเด่น’ ค่ะ จะเห็นได้ว่า ทางร้านมีการคุมธีม โทนสี ทั้งการตกแต่งภายใน อุปกรณ์ต่างๆ ไปจนถึงแพ็คเกจจิงด้วยสีเขียว สีเหลือง และสีส้มที่สดใส โดยก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันทุกสาขา โลโก้ที่มีความโดดเด่น จึงไม่แปลกเลยที่จะง่ายต่อการจดจำ สารภาพว่า เห็นทีแรกดิฉันก็จำได้แม่นเลยล่ะค่ะ

และอีกหนึ่งการตลาดที่น่าสนใจของทางร้านก็คือ ‘แอปพลิเคชัน Boost Juice Find the Fruit’ ซึ่งภายในก็จะมีเกมให้ผู้ใช้งานได้เล่นกันอย่างเพลิดเพลิน ถ้าสมมติเล่นผ่านด่านนั้น ทางแอปฯ ก็จะมีการมอบรางวัลเป็น Gift voucher หรือเครื่องดื่มของบูสต์จูซกลับมาให้

เรียกได้ว่า เป็นแคมเปญทางการตลาดที่ดึงดูดฐานลูกค้าใหม่ๆ และสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความจงรักภักดีในแบรนด์ (Brand Loyalty) ได้เป็นอย่างดี จากคนไม่เคยลองมาก่อน พอได้ชิมฟรีหรือได้ส่วนลดสักแก้ว ก็ไม่แน่ว่า อาจจะทำให้พวกเขาเหล่านี้ติดใจจนต้องขอกลับมาสมัครเป็นมิตรรักแฟนคลับในอนาคต ซื้อเครื่องดื่มของร้านอีกนับสิบนับร้อยแก้วไม่ถ้วนเลยก็ได้

ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า “Love life and Life will love you back.” รักชีวิตแล้วชีวิตจะรักคุณกลับเอง ทำให้บูสท์จูซนั้นก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในแบรนด์ ร้านสมูททีผักผลไม้ปั่นที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าที่สุดในโลกได้ไม่ยาก…

ซึ่งตอนนี้สาขาต่างๆ ในไทยก็ยังคงเป็นเพียงแค่ร้านสมูททีผักผลไม้ปั่นที่ขึ้นห้างอยู่ แต่ถ้าในอนาคตมีการทำการตลาดท้องถิ่น (Local Area Marketing) ก็ไม่แน่เหมือนกันนะคะว่า ร้านน้ำผลไม้ปั่นทั่วไปอาจจะต้องร้อนๆ หนาวๆ กว่านี้หลายเท่าเลยแหละ

Sources: https://bit.ly/3L3KAG9

https://bit.ly/36yMBv6

https://bit.ly/3K7qObA

https://bit.ly/3K3JusV

https://bit.ly/3Ey8Ca4

https://bit.ly/3v31jE1

https://bit.ly/3L7GBIL