เปลี่ยนการทำงานให้เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และคุ้มค่ากว่าเดิม ด้วยพลังของ AI เพื่อพาธุรกิจสู่อนาคตด้วยนวัตกรรม จาก SCB TechX

AI Transformation กลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรโดย SCB TechX
ในวันที่ AI เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราทุกคน SCB TechX ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ได้นำ AI มาเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ภายใต้นโยบาย ‘AI First’ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ส่งมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่มีคุณภาพสูง พร้อมตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจและลูกค้า
[ ทำไมต้อง AI-Driven DevOps? ]
คุณเจษฎา โกนกระโทก Platform Services Manager และ คุณวรชัย วุฒิวรชัยรุ่ง DevOps Engineer ระบุว่า SCB TechX เผชิญกับความท้าทายในการนำ AI มาปรับใช้ในเครื่องมือขององค์กรภายใต้ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย และความสามารถในการทำงานร่วมกับระบบเดิม
การนำ AI เข้ามาช่วยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ (DevOps) มีเป้าหมายหลัก 4 ประการ
○ เพิ่มความรวดเร็วในการพัฒนา (Fast Time to Market)
AI ช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้นในขณะที่ยังคงความถูกต้องแม่นยำ
○ ลดต้นทุนการดำเนินงาน (Reduce Cost of Operation)
AI เข้ามาช่วยพัฒนา Workflow Automation สำหรับงานประจำที่ซ้ำซ้อน ไม่สร้างมูลค่า หรือไม่เพิ่มผลผลิต เพื่อลดงานที่ต้องทำด้วยคน
○ ปรับปรุงความปลอดภัย (Improve Security)
เครื่องมือ AI ที่นำมาใช้ต้องได้รับการตรวจสอบว่าสามารถกำกับดูแลข้อมูลให้ปลอดภัยได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจทางการเงิน
○ เพิ่มผลิตภาพของนักพัฒนา (Enhance Developer Productivity)
ด้วยจำนวนนักพัฒนาเท่าเดิม AI ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพในการทำงาน
SCB TechX เน้นย้ำว่าการนำ AI มาใช้จะต้องดำเนินควบคู่ไปกับความต้องการทางธุรกิจ (Business Driven Technology)
กรณีศึกษาการใช้งาน AI ใน SCB TechX
SCB TechX ได้นำ AI มาใช้ใน 4 กรณีหลักในกระบวนการพัฒนาซอฟแวร์
1. การพัฒนาที่รวดเร็วและแม่นยำ (Fast & Accurate Development)
○ ปัญหา – การวัดผล AI ไม่ใช่แค่จำนวนบรรทัดโค้ดที่แนะนำ แต่คือความถูกต้องของตรรกะ นอกจากนี้ นักพัฒนารุ่นใหม่ (Junior Developer) อาจใช้เวลาในการ Onboard โปรเจกต์นานและอาจไม่ทราบถึงแนวทางปฏิบัติและมาตรฐานการทำงานขององค์กร เช่น การเขียนโค้ดเพื่อตรวจจับความผิดพลาดทั่วไป
○ โซลูชัน – SCB TechX ใช้ Context Generator Workflow ที่เชื่อมโยง Jira (Backlog) และ Confluence (Design)
AI ดึงข้อมูลจาก Confluence เพื่อวางแผน พัฒนา ทดสอบ และรีวิวโค้ดตามมาตรฐานองค์กรแบบอัตโนมัติ ช่วยลดเวลา ลดข้อผิดพลาด และยกระดับนักพัฒนารุ่นใหม่ให้ทำงานได้ใกล้เคียงมืออาชีพทันที
2. การป้องกันการ Deploy ที่ล้มเหลว (Prevent Failed Deployment)
○ ปัญหา – กระบวนการ Deploy ด้วยคนมักเกิดข้อผิดพลาด เช่น การกำหนดค่าผิดพลาด การไม่ตรงกันของเวอร์ชัน หรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้ทดสอบ
○ โซลูชัน – SCB TechX มีการ Validate Configuration ก่อนนำขึ้น Production
นักพัฒนาสามารถรัน Validation Pipeline เพื่อตรวจสอบ Config ต่างๆ ทั้ง Application, Sizing, Infra และ Database โดยใช้ AI Knowledge Base ในการแนะนำและตรวจจับข้อผิดพลาด ช่วยให้รีวิวโค้ดและ Config ก่อนขึ้น Production มีความแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น
3. FinOps การแนะนำการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน (Cost Optimization Recommendations)
○ ปัญหา – การจัดสรรทรัพยากรเกินความจำเป็น (Over Provisioning), การขาดการมองเห็นข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้าน Cloud ที่มีประโยชน์ต่อการพิจารณา และควบคุมงบประมาณซึ่งรวมถึงการใช้งาน Cloud ที่ไม่มีการตรวจสอบถึงความจำเป็น ทำให้โครงการจ่ายค่าโครงสร้างพื้นฐานเป็นจำนวนมาก และไม่คุ้มค่าต่องบประมาณของโครงการ
○ โซลูชัน – SCB TechX มีระบบ Cloud Anomaly Detection ที่ใช้ AI
ระบบจะแสดงผลข้อมูลผ่าน Grafana พร้อมตั้ง Alert เชื่อมกับ Jira เพื่อให้ทีม Monitor การใช้ทรัพยากรทุกวัน เช่น ตรวจพบ Environment ที่เปิดอยู่เมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือตรวจพบหากมีการใช้งานต่ำเกินไป และไม่สอดคล้องกับปริมาณงานที่ต้องใช้งานจริง ซึ่ง DevOps จะ ช่วยแนะนำลูกค้าในการปรับ Config ให้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
4. ความปลอดภัย การสแกนโค้ดและการตรวจจับภัยคุกคามด้วย AI (AI-driven Code Scanning and Threat Detection)
○ ปัญหา – การพบ Vulnerability บน UAT หรือ Production ทำให้เสียเวลามากในการกลับมาแก้ไขที่ Development
○ โซลูชัน – SCB TechX ใช้ AI ในการ ตรวจจับโค้ดที่มีช่องโหว่ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของการพัฒนา
ระบบจะสแกนช่องโหว่อัตโนมัติทุกครั้งที่เปิดโค้ดเข้า Branch พร้อมให้ AI แนะนำหรือสร้างโค้ดแก้ไขผ่าน UI รองรับ Auto-fix ช่องโหว่สำคัญ เช่น SQL Injection และ Logic Errors ลดความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว
[ NameCheX การฝัง AI ในผลิตภัณฑ์และโซลูชัน ]
คุณอุกฤษฏ์ วณิชย์รุจี Senior Data Scientist และคุณเปรม วิเชียรวนิชกุล Lead Project Manager อธิบายว่า NameCheX เป็นโซลูชันคัดกรองชื่อ (Name Screening Solution) ที่ใช้ AI ขั้นสูงในการคัดกรองชื่อ หมายเลขบัตรประชาชน และข้อมูลพาสปอร์ต เทียบกับฐานข้อมูลที่อัปเดตล่าสุด เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ
การปรับปรุงที่ได้จากการเปลี่ยนระบบ (Improvements from System Replacement)
○ ลดต้นทุน (Cost Reduction)
○ ปรับปรุงการดำเนินงาน (Improved Operation) ลดกระบวนการเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนสามารถใช้เวลากับงานสำคัญอื่นๆ
○ เพิ่มประสิทธิภาพ (Enhanced Performance) เน้นการจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลจากการคัดกรองชื่อ
○ ผลกระทบแบบ Self-Contained (Self Contained Impact) โดยทดแทนระบบเฉพาะจุดแบบไม่ส่งผลกระทบต่อระบบ Upstream/Downstream
กรอบการทำงาน 3 Ps Approach
SCB TechX ใช้กรอบการทำงาน 3Ps ในการพัฒนา NameCheX ซึ่งคล้ายกับการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
1. การระบุ Pain Point (Pain Points Identification)
○ ระบุ Pain Points ของระบบหรือลูกค้า
○ จัดกลุ่ม (Clustering) และวิเคราะห์คะแนนถ่วงน้ำหนัก (Weighted Score Analysis)
○ วิเคราะห์หาสาเหตุหลัก (Root Cause Analysis – RCA) และจัดหมวดหมู่ Pain Point เป็น Process, Product, Support หรือ Financial
2. การระบุกระบวนการ (Process Identification)
○ ระบุกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ Pain Point
○ จัดทำแผนผังกระบวนการของคนและระบบ (Map human and system processes) โดยกำหนดเลนที่ชัดเจนและระบุว่าระบบใดทำงานเมื่อใดและเกี่ยวข้องกับคนหรือไม่
○ สร้างมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพ (Standardize & Optimize)
3. การคาดการณ์และการตรวจสอบ (Prediction & Verification)
○ ตั้งสมมติฐานเพื่อทดสอบหรือแก้ไข Pain Point (Set Prediction to Test/ Address Pain Point)
○ ออกแบบโซลูชันสำหรับการคาดการณ์
○ สร้าง ตรวจสอบ และทำซ้ำ (Build, Verify, Iterate)
คุณสมบัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-Driven Features) ใน ระบบ NameCheX และใน Roadmap
○ การปรับปรุงอัลกอริทึม (Algorithm Refresh)
AI ช่วยในการปรับปรุงอัลกอริทึมการจับคู่ให้ทันสมัยและยืดหยุ่น โดยสามารถปรับเกณฑ์และเพิ่มคุณสมบัติอื่นๆ เช่น รูปแบบการติดต่อหรือความเกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการจับคู่ในกรณีที่ซับซ้อน
○ การจับคู่ชื่อข้ามภาษา (Cross-Language Name Matching)
สามารถจับคู่ชื่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้อย่างราบรื่น โดยใช้การแปลงตัวอักษร (Transliteration) และการให้คะแนนความคล้ายคลึงกัน (Similarity Scoring) ลด False Negatives และแก้ไขปัญหา Human Error เช่น การพิมพ์ผิดหรือสะกดผิด
○ ผู้ช่วยในการตัดสินใจ (Decision Assistant)
– AI วิเคราะห์บริบทของแต่ละกรณีและสร้างสรุปพร้อมคำแนะนำ
– เรียนรู้จากการตัดสินใจในอดีตเพื่อปรับปรุงคุณภาพการตัดสินใจ
– ระบบแนะนำการดำเนินการตามระดับความเสี่ยง เช่น Confirm Match, Additional Review
– สามารถอธิบายได้ทันทีว่าทำไม Alert ถึงถูกสร้างขึ้นโดยใช้ Natural Language
○ กราฟสำหรับการเชื่อมโยงบริบท (Graph for Contextual Linking)
– เชื่อมโยงข้อมูลที่กระจัดกระจาย เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และบริษัท เข้าเป็นเครือข่ายความสัมพันธ์
– AI วิเคราะห์ความสัมพันธ์เหล่านี้เพื่อตรวจจับความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่
– สามารถประเมินความเสี่ยงโดยดูว่าบุคคลนั้นอยู่ห่างจากบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรมากน้อยเพียงใด
[ บริการ OCR โดย TechX ]
คุณธนกร ศรีสังข์ Product Owner Expert คุณอรรถกร พูนศิลป์ Software Development Associate Director และคุณภัทรานิษฐ์ สุนทรวิสัย Product Owner เผยว่า บริการ OCR (Optical Character Recognition) Service ของ TechX นั้น ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดต้นทุนแฝงของการจัดการเอกสารแบบดั้งเดิม และเพิ่ม Productivity ของ Operation team ในการ จัดการเอกสารของลูกค้า
○ ปัญหาที่แก้ไข Data Silos (ข้อมูลกระจัดกระจาย)
– การกรอกข้อมูลด้วยมือ ใช้เวลามหาศาล ผิดพลาดง่าย
– เอกสารกระดาษที่ล้นออฟฟิศ จัดเก็บยาก ค้นหายิ่งยากกว่า
– ความล่าช้าในการอนุมัติ/บริการลูกค้า เพราะต้องรอข้อมูลจากเอกสาร
– ความเสี่ยงด้าน Operation ข้อผิดพลาดจากการคีย์มือ
– ความเสี่ยงในการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต (Unauthorized Access) ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นความลับ (Confidential Information) หรือข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) เป็นต้น
Simplified OCR Flow
1. ส่งเอกสาร (Send Document File)
รองรับเอกสารแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Document) และหลากหลายรูปแบบ เช่น รูปภาพ และ PDF รองรับ 3 ช่องทางหลัก API, File Upload และ Web Portal
2. การตรวจสอบไฟล์ (File Validation)
ประมวลผลรูปภาพให้พร้อมสำหรับ AI
3. การจัดประเภทเอกสารและการแยกข้อมูล (Data Extraction and Classification)
AI จะจำแนกประเภทเอกสารและดึงข้อมูลจากเอกสารนั้น
4. การตรวจสอบข้อมูล (Data Validation)
ด้วย Algorithm ของ AI สามารถที่จะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเบื้องต้นได้ เช่น ที่อยู่ ชื่อ ที่เป็นคำเฉพาะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ หรือไทย และรวมไปถึงลายมือบางส่วน
5. การจัดส่ง (Delivery)
การส่งมอบข้อมูลที่ extract ออกมาแล้วในรูปแบบต่างๆ เช่น excel file, Mark down, JSON format และการเชื่อมต่อแบบ API กับระบบของทางผู้ใช้งาน
คุณสมบัติเด่นของ OCR Service
○ ระบบเทมเพลตที่ยืดหยุ่น (Flexible Template System)
ระบบใช้ AI กำหนดเขตข้อมูลและกฎการดึงข้อมูลโดยไม่อิงตำแหน่งตายตัว รองรับข้อมูลแบบ Array เช่น รายการใน Invoice ลูกค้าสามารถสร้างเทมเพลตเองได้ พร้อมระบบช่วยแนะนำเทมเพลตอัตโนมัติด้วย AI
○ การรู้จำลายมือ (Handwriting Recognition)
สามารถดึงข้อมูลจากลายมือภาษาไทยได้แม่นยำในระดับหนึ่ง (หากมนุษย์อ่านออก)
○ การจัดการเอกสารที่ครอบคลุม (Comprehensive Document Management)
การจัดเก็บและจัดการเอกสารในที่เดียว พร้อมคุณสมบัติการค้นหาขั้นสูงและการควบคุมเวอร์ชัน
○ การส่งออกหลายรูปแบบ (Multi-Format Export Capabilities)
ส่งออกข้อมูลในรูปแบบ Excel, Markdown, JSON และเชื่อมต่อผ่าน API
○ ความปลอดภัยระดับองค์กร (Enterprise-Grade Security)
การเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง การควบคุมการเข้าถึงตามบทบาท และนโยบายการเก็บรักษาข้อมูล
○ การจัดการเอกสารที่ซับซ้อน (Advanced Handling of Complex Documents)
AI-powered OCR สามารถประมวลผลแบบฟอร์มที่มีหลายหน้า ตาราง และช่องทำเครื่องหมาย รวมถึงเอกสารที่มีลายน้ำ
○ การจัดเรียงเอกสารอัตโนมัติ (Intelligent Document Orientation Correction)
ระบบสามารถตรวจจับและจัดเรียงเอกสารอัตโนมัติเพื่อให้การแยกข้อมูลแม่นยำ แม้เอกสารจะถูกอัปโหลดแบบตะแคงหรือกลับหัว
ประเภทเอกสารที่รองรับ
– เอกสารราชการ เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ เอกสารทะเบียนราษฎร์ โฉนดที่ดิน
– เอกสารทางการเงิน เช่น สมุดบัญชีธนาคาร ใบแจ้งหนี้และใบเสร็จรับเงิน สลิปเงินเดือน
– เอกสารธุรกิจ/กฎหมายและอื่นๆ เช่น สัญญา CV/Resume ใบสมัครสินเชื่อ
แผนงานและทิศทางในอนาคต
– การพัฒนา AI เพื่อการประมวลผลข้อมูลที่ชาญฉลาดขึ้น
– เพิ่มความสามารถในการตอบโจทย์ Workflow ของลูกค้า
– การตรวจจับเอกสารปลอม (Forgery Detection) เช่น Bank Statement และ Payslip
– การจัดการองค์ความรู้ (Knowledge Management) เพื่อให้เป็น Knowledge Portal ที่ค้นหาและสรุปข้อมูลได้
– การพัฒนา Smart Template โดยให้ AI สร้างเทมเพลตให้เอง
[ AI และการทำงานร่วมกันกับ UX (AI-Human Symbiosis) ]
คุณจิรพัฒน์ วรรัตน์ชัยพันธ์ – UX Associate Director ชี้ว่า SCB TechX ได้นำ AI เข้ามาช่วยในกระบวนการ UX (User Experience) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและส่งเสริมการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น ผ่าน ‘George’
[ ‘George’ ผู้ช่วย AI ในทีม UX ]
1. Discovery Partner (คู่หูการค้นหา)
○ ช่วยงานวิจัย UX ขนาดใหญ่
ช่วยจำลองการสัมภาษณ์ สร้างคำถาม Audit ถอดเสียงอัตโนมัติ (Auto-Transcription) ติดแท็ก จัดกลุ่มข้อมูลเบื้องต้น และให้ข้อมูลเชิงลึกเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว
○ ลดภาระงานลง 50% และเร่งความเร็วในการทำงาน
○ ข้อกังวล – AI ยังไม่สามารถตรวจจับอารมณ์ความรู้สึก (Human Empathy) หรือการสังเคราะห์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Synthesis) ที่ต้องการการตีความเชิงมนุษย์
2. Creative Copilot (ผู้ช่วยสร้างสรรค์)
○ ระบบออกแบบ
– สร้าง Figma Components และ Design Tokens อัตโนมัติจาก Brand Style Guide
○ กระบวนการออกแบบที่ซับซ้อน
สร้าง User Flows สำหรับโปรเจกต์ที่มีคุณสมบัติหลากหลาย และสร้าง Clickable UI Prototype ได้ในเวลาอันรวดเร็ว (น้อยกว่า 20 นาที)
○ ลดภาระงานและเร่งกระบวนการพัฒนา
○ ข้อกังวล – AI มักสร้าง UI patterns ทั่วไปที่อาจไม่สอดคล้องกับบริบทของผู้ใช้ หรือธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงของ UI Design
3. Design Police (ผู้ดูแลมาตรฐานการออกแบบ)
○ การตรวจสอบการออกแบบและการปฏิบัติตามมาตรฐาน
สร้างรายงาน Heuristic Evaluation และ WCAG Audit Reports (Web Content Accessibility Guidelines) สำหรับไฟล์ออกแบบ
○ ช่วยให้การประเมินการออกแบบมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของ Design Debt
○ ข้อกังวล
การประเมินบางอย่างยังต้องการความเข้าใจในบริบทและการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงหน้าจอและ User Flows ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ AI ยังไม่สามารถทำการประเมินที่ครอบคลุมได้อย่างอิสระ
ในอนาคตอันใกล้ AI กำลังนำไปสู่กระบวนทัศน์ UI ใหม่ที่เปลี่ยนจากการโต้ตอบแบบ Command-Based (เช่น พิมพ์คำสั่ง) ไปสู่ Intent-Based Outcome Specification (การระบุผลลัพธ์ที่ต้องการตามเจตนาของผู้ใช้)
○ Stealth UI
แนะนำสิ่งที่ผู้ใช้อาจทำต่อไปจากพฤติกรรมในอดีต (เช่น Netflix, Gmail Smart Reply)
○ Search Dominant UI
AI ช่วยสรุปและแนะนำข้อมูลจากคำค้นหาที่ซับซ้อน (เช่น Google AI Overviews)
○ Assistive UI
AI ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย แสดงข้อมูลและสนทนากับผู้ใช้ (เช่น Microsoft Copilot)
○ Chat Dominant UI
การโต้ตอบผ่านการสนทนาที่ AI เข้าใจบริบทกว้างๆ (เช่น Claude ChatGPT Perplexity)
นอกจากนี้ AI สามารถสร้าง UI ที่ปรับแต่งให้เข้ากับแต่ละบุคคลได้ (Personalized UI for Individual) โดยพิจารณาจากความต้องการและความชอบของผู้ใช้ เช่น การแนะนำโรงแรมที่ใกล้ร้านอาหารที่ผู้ใช้ชอบ หรือการกรอกข้อมูลอัตโนมัติในแบบฟอร์ม สิ่งนี้ทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นนั่นเอง
ท้ายที่สุด ด้วยความมุ่งมั่นในการนำ AI มาประยุกต์ใช้อย่างชาญฉลาด SCB TechX นั้น ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กร แต่ยังส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
ท้ายนี้ หากองค์กรท่านกำลังมองหาโซลูชันด้าน SI, xPlatform (DevOps as a Service), Data & AI Solutions, UX, NameCheX, Cloud, e-KYC, OCR ต่อยอดองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน สามารถติดต่อ SCB TechX ได้เลย
สนใจบริการโปรดติดต่อเราที่ https://bit.ly/4ofE9nz
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/3TpL9jf
#FutureTrends #FutureTrendsetter #SCBX #SCBTechX