จีนร่วมแจม ‘เมตาเวิร์ส’ บริษัทแม่ TikTok เร่งปั๊มแว่น VR แข่ง Meta ของซักเคอร์เบิร์ก
อเมริกามี Facebook กับ Twitter จีนมี Weibo (เวยป๋อ) และ WeChat เมื่อสหรัฐฯ เปิดตัวแชตบอตอัจฉริยะ ChatGPT ออกมา จีนก็พัฒนาแชตบอต AI ของตัวเอง และเตรียมเปิดตัวตามมาใกล้ๆ กัน
การแข่งขันในตลาดเทคโนโลยีระหว่างสองชาติมหาอำนาจของโลกยังลามไปถึงโลกเมตาเวิร์ส เมื่อ ByteDance (ไบต์แดนซ์) เจ้าของ TikTok เริ่มเอาจริงกับการแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดแว่นสวมหัวเพื่อเข้าสู่โลกเสมือน (virtual-reality หรือ VR) หลัง Meta บริษัทแม่ของ Facebook ประกาศจะทุ่มเทพัฒนาให้เป็นโลกแห่งอนาคต
ByteDance ซื้อบริษัท Pico (พิโก) สตาร์ตอัปจีนผู้ผลิตแว่น VR มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 หรือไม่กี่เดือนหลังจาก มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานอ้างอิงข้อมูลจากวงการอุตสาหกรรมแว่น VR ว่า นับตั้งแต่ ByteDance เป็นเจ้าของ Pico การผลิตแว่น VR แบรนด์นี้สู่ตลาดก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นรวดเร็ว จนกลายเป็นแบรนด์เบอร์ 2 ที่มียอดขายมากที่สุด เป็นรองแค่ Meta ทั้งที่ไม่ได้ส่งเข้าไปขายในตลาดอเมริกาด้วยซ้ำ
อินเตอร์เนชันแนล ดาต้า คอร์ป (IDC) บริษัทวิจัยที่เก็บข้อมูลนี้เผยว่า เมื่อประมาณ 1 ปีก่อน Meta มีส่วนแบ่งในตลาดแว่น VR มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แต่พอถึงไตรมาส 3 ปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงเวลาล่าสุดที่เก็บสถิติ พบว่า ส่วนแบ่งของ Meta ลดเหลือประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์
ส่วน Pico มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน มาอยู่ที่ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่แว่น VR ของค่ายอื่น ยังไม่มียี่ห้อใดคว้าส่วนแบ่งการตลาดได้เกิน 3 เปอร์เซ็นต์
ในไตรมาส 3 ปี 2022 ยอดจัดส่งแว่น VR ของ Meta ลดลง 48 เปอร์เซ็นต์ จาก 1 ปีก่อนหน้า ส่วน Pico เป็นแบรนด์เดียวที่มียอดการจัดส่งเพิ่มขึ้น โดยคาดว่า ตลาดนี้มีมูลค่ามากถึง 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2022
Pico ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 เริ่มจากการเน้นพัฒนาแว่น VR เพื่อใช้ในเชิงธุรกิจ และขายเฉพาะในประเทศจีน แต่หลังจาก ByteDance เข้ามาซื้อกิจการในปี 2022 Pico ก็เริ่มขายแว่น VR ให้ผู้บริโภคทั่วไป และขยายตลาดไปทั้งในเอเชีย และยุโรป
จุดเด่นของ Pico คือ ราคาที่ถูกกว่าของ Meta โดย Quest Pro ที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2022 มีราคาเครื่องละ 1,500 เหรียญสหรัฐ แต่ Pico 4 ที่เปิดตัวในเดือนเดียวกัน มีราคาเพียง 450 เหรียญสหรัฐ
เมื่อสอบถามความคิดเห็นผู้ใช้งาน ด้วยการนำ Pico 4 มาเปรียบเทียบกับรุ่น Quest 2 ของ Meta ซึ่งอยู่ในระดับราคาไล่เลี่ยกัน ยังพบว่า แว่น VR ของผู้ผลิตชาวจีน มีภาพคมชัดกว่า และสวมใส่สบายกว่ารุ่นใกล้เคียงกันของ Meta ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะทำให้แพลตฟอร์ม VR ค่ายไหนน่าสนใจกว่ากัน อาจต้องพิจารณาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มนั้นประกอบด้วย โดยจุดนี้ Meta ทำได้ดีกว่า เพราะมีแอปให้เลือกใช้กว่า 400 ตัว ส่วน Pico ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เพราะมีแอปทั้งหมดประมาณ 250 ตัวเท่านั้น
นอกจากนี้ ระหว่างเปิดตัว Pico 4 ในปี 2022 ByteDance ยังถูกล้อเรื่องการเลียนแบบ Meta ด้วยการสร้างแอปโซเชียลชื่อ Pico Worlds ขึ้นมา โดยมีลักษณะคล้ายกับ Horizon Worlds ของ Meta อย่างกับฝาแฝด
การกระโจนสู่โลกเมตาเวิร์ส ของ ByteDance เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหว เนื่องจากสหรัฐอเมริกา วิตกว่า จีนอาจใช้ TikTok มาสอดแนมชาวอเมริกัน และสั่งห้ามอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นของรัฐบาลดาวน์โหลดแอป TikTok มาใช้
เจ้าหน้าที่บางคนในรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังถึงขั้นต้องการบีบบังคับให้มีการขายกิจการ TikTok ให้กับบริษัทอเมริกัน
ส่วนการแข่งขันในตลาดเมตาเวิร์ส น่าจะมีความร้อนแรงมากขึ้นในปี 2023 เนื่องจากคาดว่า บริษัท Apple ก็จะเปิดตัวแว่น AR (augmented – reality) รุ่นแรกของตัวเอง
ด้าน Microsoft ยักษ์ใหญ่อีกเจ้าก็มีผลิตภัณฑ์วางตลาดในชื่อว่า HoloLens ซึ่งเป็นแว่นที่ผสมผสานเทคโนโลยี AR และ VR เพื่อใช้ในเชิงธุรกิจ โดย IDC คาดว่า อุตสาหกรรมแว่นเมตาเวิร์ส จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2026
“เราดีใจที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นในการสัมผัสประสบการณ์ VR เพราะพวกเขาเข้ามาช่วยเติมพลังให้กับระบบนิเวศนี้ และยังกระตุ้นให้นักพัฒนาหันมาสร้างคอนเทนต์ดีๆ มากขึ้นด้วย” โฆษกของ Meta กล่าวถึงปรากฏการณ์การแข่งขันที่เกิดขึ้น
ขณะที่ ByteDance ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ หลังจาก TikTok ของพวกเขายังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นรวดเร็ว สวนทางกับ Instagram และ Facebook ของ Meta ซึ่งเติบโตช้าลง เมื่อผู้บริหารหันมาเปลี่ยนเกม ด้วยการมุ่งสู่โลกใบใหม่อย่างเมตาเวิร์ส
เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun
Source: http://bit.ly/40QwvUS