ตลาด ‘EV’ จะปรับตัวอย่างไร ในวันที่ ‘ความสร้างสรรค์’ สำคัญกว่าทุกสิ่ง
‘Future Trends: Forward’ ซีรีส์บทความรับปีใหม่ มองไปข้างหน้าในปี 2023 ทั้งทางธุรกิจ เทคโนโลยี การทำงาน และเหตุการณ์รอบโลก เพื่อคาดการณ์เทรนด์สำคัญที่รออยู่ในอนาคต
การที่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ทำผลงานอย่างโดดเด่นในปี 2022 ย่อมสร้างความคาดหวังให้กับคนที่ติดตามข่าวสารหรือมีแผนเปลี่ยนมาใช้ EV ว่า ในปี 2023 อุตสาหกรรม EV จะพัฒนาต่อไปอย่างไร และมีอะไรแปลกใหม่จากเดิมบ้าง?
จริงๆ แล้ว การพัฒนานวัตกรรมและสร้างความแปลกใหม่ในอุตสาหกรรม EV เป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับค่ายผลิต EV เช่นกัน เพราะการแข่งขันในอุตสาหกรรมร้อนแรงขึ้นทุกที ผู้เล่นหน้าใหม่และ หน้าเก่าต่างออก EV สเปคสูงมาประชันกันในตลาด
ดังนั้น สิ่งที่แต่ละค่ายต้องหาให้เจอ คือในเมื่อทุกค่ายสามารถผลิต EV ออกมาได้เหมือนกัน แล้วจะทำให้ EV จากค่ายของตัวเองต่างค่ายอื่นอย่างไร?
แน่นอนว่า แต่ละค่ายพยายามสร้างจุดยืนในการตีตลาดต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดกลุ่มรถหรู การออก EV ราคาย่อมเยา การสร้างจุดขายที่ฟังก์ชันเสริมสุดพิเศษ และการเปิดเผยนวัตกรรม ‘สุดว้าว’ เพื่อมัดใจกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง
Future Trends จะพาไปสำรวจความเคลื่อนไหวน่าจับตาในอุตสาหกรรม EV จากงาน CES 2023 ว่า นวัตกรรมเด่นที่แต่ละค่ายงัดออกมาประชันกันมีอะไรบ้าง?
‘BMW i Vision Dee’ เปลี่ยนสีรถให้แมตช์กับสไตล์ในทุกวัน
หลังจาก BMW เปิดตัว ‘BMW iX’ EV ต้นแบบที่สามารถเปลี่ยนเป็นสีขาว ดำ และเทาได้ด้วยเทคโนโลยี ‘E Ink’ จนกลายเป็นนวัตกรรมที่สร้างความฮือฮาในปี 2022 หลายคนก็ตั้งตารอการอัปเกรดเทคโนโลยีรถเปลี่ยนสีได้ที่ทรงพลังมากขึ้น
ปี 2023 BMW กลับมาอีกครั้งกับ ‘BMW i Vision Dee’ EV ต้นแบบที่สามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 32 สี รวมถึงสร้างลวดลายของรถได้ตามต้องการ ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนที่สนใจด้านไลฟ์สไตล์และแฟชั่นเป็นอย่างดี
โดยคำว่า Dee (Digital emotional experience) ที่เป็นชื่อรุ่นของรถสามารถสะท้อนตัวตนของรถคันนี้ได้อย่างชัดเจนว่า ต้องการให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ด้านความรู้สึกผ่านระบบดิจิทัล แต่ใครที่ชื่นชอบคอนเซ็ปต์ของรถรุ่นนี้ยังต้องรอต่อไป เพราะ BMW จะเริ่มนำเทคโนโลยี E Ink 32 สี มาใช้ผลิตจริงในปี 2025
‘AFEELA’ EV ดีไซน์ล้ำจาก ‘Sony’ และ ‘Honda’
การจับมือของ Sony และ Honda ในชื่อ ‘Sony Honda Mobility’ (SHM) ถือเป็นการผสานพลังของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยี โดยที่ฝั่งหนึ่งเป็นผู้นำในตลาด gadget ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ ทำให้ AFEELA เป็น EV ที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะมองว่า ต้องมีความพิเศษบางอย่างซ่อนอยู่แน่นอน
การออกแบบโดยรวมจะเป็นสไตล์มินิมอลที่เน้นความเรียบง่ายแต่กลับมีรายละเอียดที่แปลกตา เช่น พวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยม แผงควบคุมหน้ารถแบบจอยาว เป็นต้น รวมถึงภายนอกของรถยังมีแถบ Media Bar ที่แสดงผลข้อมูลได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ รูปภาพ และข้อความสั้น
นอกจากนี้ SHM ยังจับมือกับพันธมิตรคนสำคัญอย่าง ‘Epic Games’ บริษัทเกมระดับโลกเจ้าของลิขสิทธิ์เกม Fortnite เพื่อพัฒนาแนวทางการสร้างประสบการณ์ความบันเทิงบนรถยนต์ที่ต่างจากผู้เล่นรายอื่นๆ และเตรียมความพร้อมสู่การเติบโตของ ‘เมตาเวิร์ส’ เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้
แต่ใครที่ต้องการจับจองเป็นเจ้าของ AFEELA ยังคงต้องอดใจรอกันอีกสักพัก เพราะ SHM วางแผนเปิดจองรถรุ่นนี้ในปี 2025 และเริ่มส่งมอบรถในปี 2026 ก่อนจะทำการตลาดในยุโรปและญี่ปุ่นต่อไป
ถึงแม้นวัตกรรมที่ทั้งสองค่ายภูมิใจนำเสนอในงาน CES 2023 จะยังเป็นเพียง prototype ที่เต็มไปด้วยคอนเซ็ปต์สุดเจ๋ง และต้องใช้เวลา 2 – 3 ปีกว่าที่รถยนต์คันจริงจะปรากฏสู่ตลาด แต่ถ้ามองลึกลงไปจะพบว่า ทั้งสองค่ายกำลังเลือกเดินในเส้นทางเดียวกัน นั่นคือการทำให้รถเป็นมากกว่ารถผ่านการเป็นเครื่องมือแสดงตัวตนและสร้างความบันเทิงที่กลมกลืมไปกับวิถีชีวิตของผู้ใช้งาน
ซึ่งน่าติดตามต่อว่า นวัตกรรมที่ทำให้รถเป็นมากกว่ารถจะกลายเป็น ‘เทรนด์’ น่าจับตาในอุตสาหกรรม EV และเป็น ‘ตัวแปร’ สำคัญในการตัดสินใจซื้อ EV สักคันของผู้ใช้งานหรือไม่?
Sources: https://bit.ly/3QzYrb8