Type to search

ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ไม่ถึงเป้าสักที เปลี่ยนตัวเองด้วย Rapid Planning Method เทคนิคของเจ้าพ่อโค้ชชื่อดัง

August 02, 2022 By Future Trends
rapid-planning-method-makes-you-more-productive

ในการทำงาน และการใช้ชีวิต ทุกคนล้วนแต่มีเป้าหมายที่ต้องการ ผลลัพธ์ที่อยากจะได้กันทั้งนั้น แต่จริงๆ แล้ว ก็ไม่ใช่ทุกครั้ง หรือทุกคนที่จะไปถึงได้ บางครั้ง วิธีการที่วางไว้ก็ไม่สามารถพาเราไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ บางครั้ง ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ตรงกับที่เราต้องการ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุหลักก็มาจากการวางแผนที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก พอเอาเข้าจริงแล้วก็กลับกลายเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดไปเสียอย่างนั้น

เพื่อที่จะช่วยให้วางแผนได้อย่างถูกต้อง และมีโอกาสทำเป้าหมายที่วางไว้ให้สำเร็จได้มากขึ้น โทนี่ ร็อบบิน (Tony Robbins) โค้ชธุรกิจชื่อดังจึงได้พัฒนาเทคนิค ‘Rapid Planning Method หรือ RPM’ ขึ้นมา ซึ่งก็เป็นเทคนิคที่มุ่งเน้นให้เราระบุเป้าหมายที่อยากจะทำให้สำเร็จอย่างชัดเจนที่สุด และวางแผนปฏิบัติตามเป้าหมายนั้น โดยก็สามารถที่จะนำไปปรับใช้ได้กับทุกบทบาทหน้าที่ในชีวิต ทั้งชีวิตส่วนตัว การทำงาน และการทำธุรกิจ

Rapid Planning Method คืออะไร?

Rapid Planning Method หรือ RPM เป็นเทคนิคการวางแผนเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้สำเร็จมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงจะบอกว่า เป็นเทคนิค แต่จริงๆ แล้ว นี่เป็นเหมือนกับวิธีคิดมากกว่า และ ตัวย่อ RPM เหล่านี้ก็มีความหมายด้วย เราสามารถแยก RPM ออกมาได้เป็นคำถาม 3 ข้อ ที่จะใช้เป็นหลักยึดในการวางแผนทำสิ่งต่างๆ

3 คำถามสำคัญของเทคนิค RPM

rapid-planning-method-makes-you-more-productive 1

1. R = Result-oriented : ผลลัพธ์ที่ต้องการทำให้สำเร็จคืออะไร?

ลองพิจารณาว่า ผลลัพธ์ หรือเป้าหมายที่เราต้องการจะบรรลุคืออะไร? พยายามระบุให้เฉพาะเจาะจง เช่น เดือนนี้อยากเพิ่มยอดขายให้ได้กี่เปอร์เซ็นต์? เพราะการมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้โฟกัสได้ง่าย และมากขึ้น ซึ่งเมื่อเราโฟกัสกับเป้าหมายได้มากขึ้น ก็จะคิดหาวิธีการดีๆ และมีประสิทธิภาพได้มากขึ้นด้วย

2. P = Purpose-driven : วัตถุประสงค์ของเราคืออะไร?

‘เป้าหมาย’ กับ ‘จุดประสงค์’ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว คำว่า “วัตถุประสงค์” จะมีความหมายในเชิงเหตุผล และที่มีที่ไปมากกว่า ดังนั้น คำถามสำหรับ P นี้จึงหมายถึงว่า ‘ทำไมเราถึงอยากบรรลุเป้าหมาย/ผลลัพธ์นี้’ นั่นเอง ซึ่งการรู้ที่มาที่ไปของเป้าหมายชัดเจนจะช่วยให้เรามองเห็นภาพ และสิ่งที่จำเป็นต้องทำได้มากขึ้น ช่วยให้วางแผนไปสู่เป้าหมายในลำดับถัดไปได้สำเร็จ

3. M = Massive action plan : สิ่งที่ต้องทำเพื่อไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จคืออะไร? 

โทนี่บอกว่า นี่คือคำถามที่สำคัญมากที่สุด เพราะเป็นจุดที่ชี้ขาดโดยตรงว่า เราจะบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่ และถ้าตอนนี้รู้แล้วว่า ผลลัพธ์ที่ต้องการนั้นคืออะไร ก็ควรตอบให้ได้เช่นกันว่า ทำไมเราถึงต้องการมัน? รวมไปถึงสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำก็คือ ‘กำหนดวิธีการที่จะพาเราไปถึงเป้าหมาย’ ด้วย เพราะหากมีเป้าหมายและแรงจูงใจที่ชัดเจนอยู่แล้ว ก็ย่อมทำให้เราเห็นวิธีการที่ชัดเจนนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 คำถามมีการเรียงลำดับ ส่งผลต่อกันมาเป็นทอดๆ และแม้การกำหนดวิธีการจะมีผลโดยตรงว่า เป้าหมายจะสำเร็จหรือไม่? แต่การจะกำหนดวิธีการที่ถูกต้องได้ เราก็ต้องมีเป้าหมาย แรงจูงใจ หรือเหตุผลที่ชัดเจนก่อนด้วย ดังนั้น 3 คำถามนี้ก็ล้วนมีความสำคัญซึ่งกันและกันทั้งสิ้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมในการตอบคำถามแต่ละข้อ เราถึงจำเป็นต้องคิดให้ดีที่สุด โดยมีหลักสำคัญอย่างการตอบให้ ‘ชัดเจน’ และ ‘เฉพาะเจาะจง’ ให้มากที่สุด

Rapid Planning Method เป็นแค่เทคนิคอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้การันตีว่า ถ้าใช้แล้วจะบรรลุเป้าหมายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อันที่จริง บนโลกใบนี้ก็ไม่มีแผนการไหนที่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้อยู่แล้ว Rapid Planning Method หรือ RPM จึงเป็นเพียงตัวช่วยให้เป้าหมาย และวิธีการเชื่อมโยงกันมากขึ้น หลักๆ แล้ว ในสถานการณ์จริง ความยืดหยุ่น และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอยู่เช่นกัน

Sources: https://bit.ly/3OHb8yg
.
https://bit.ly/3zkCq81