บางครั้งก็เดินไปสู่ความสำเร็จ และเป้าหมายของเราในแบบที่อยากจะเป็น มันได้หมายความว่าเราจะต้องยัดอะไรเพิ่ม แต่มันอาจหมายถึงเราควรที่จะยอมแพ้กับบางอย่างบ้าง
เคยเป็นไหมที่ได้เห็นไอดอลที่เราชื่นชอบทำสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วรู้สึกว่าเท่จัง อยากทแบบนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ เห็นคนนั้นจัดการเวลาทำงานได้ดีจังเลย อยากเอาเทคนิคมาใช้บ้าง แต่ปรากฎพอมาใช้จริงกลับเละเทะกว่าเดิม
เพราะความสำเร็จของแต่ละคนมีความหมายแตกต่างกัน ฉะนั้นวิธีเดียวกันอาจไม่ได้ผลลัพธ์เดียวกัน
แล้วมีอะไรอีกล่ะที่เราควร ‘ยอมแพ้’ เพื่อไปให้ใกล้สิ่งที่เราจะเป็นมากขึ้น?
อยากประสบความสำเร็จต้องเริ่มจากร่างกายที่แข็งแรงก่อน อย่าทำงานอย่างหนักจนร่างพังแบบไม่รู้ตัว เรื่องเล็ก ๆ ที่ทำได้ตั้งแต่วันนี้ และเราจะขอบคุณในวันข้างหน้าแน่นอน
คนประสบความสำเร็จหลายคนมักกำหนดเป้าหมายระยะยาวกันมากกว่า และนั่นจะต้องไม่ใช่การบังคับตัวเองให้ทำ แต่ควรทำเพราะเราอยากจะทำ นึกง่าย ๆ อย่างการออกกำลังกาย ถ้าเราคิดแค่อยากออกเพื่อตามเทรนด์ กับออกเพราะเราอยากแข็งแรง เชื่อว่าระยะเวลาในการทำแตกต่างกันแน่นอน
ถ้าเราไม่เคยคิดจะลองทำ หรือคว้าโอกาสอะไรเลยเพื่อไปให้ถึงความฝัน คุณก้จะไม่มีทางรู้เลยว่าคุณทำได้รึเปล่า ดังนั้นอย่ากลัวที่จะล้มเหลว และอย่ากลัวว่าทำแล้วจะประสบความสำเร็จรึเปล่า
คนประสบความสำเร็จจะยอมรับเสมอทั้งจุดอ่อน และความล้มเหลวของตัวเอง การปกป้องตัวเอง ไม่ออกจาก Comfort Zone นั่นจะทำให้เราไม่เติบโตไปไหน
Fixed Mindset คือคนที่พอใจกับความเก่งเท่านี้ คิดว่าตัวเองน่าจะไม่เก่งไปกว่านี้ อันนี้น่ากลัวมาก อย่าคิดว่าตัวเราในวันพรุ่งนี้จะเป็นแบบเดียวกับตัวเราในวันนี้ เราเก่งขึ้นได้ คนประสบความสำเร็จไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้
เราควรวางแผนสำหรับอนาคต มุ่งไปที่วันข้างหน้า และปรับปรุงตัวเอง 1% ทุกวัน ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ก็จะตามมาจากการรวบรวมวันละเปอร์เซ็นต์แน่นอน อย่าไปเชื่อคำโฆษณา อย่าง รวยได้ภายใน 1 วัน…เพราะกรุงโรมยังสร้างไม่เสร็จใน 1 วันเลย
ไม่มีอะไรจะสมบูรณ์แบบไม่ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน ดังนั้นค่อยๆ ทำ และค่อยๆ แก้ไขไปทีละนิดก็ได้ อย่ากะทำรวดเดียวแล้วปัง พัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็ดีขึ้นได้เอง
ไม่ใช่เรื่องผิดนะถ้าจะทำหลายๆ อย่างไปพร้อมกัน แต่จะให้ทุกอย่างที่ทำประสบความสำเร็จพร้อมกันมันคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเลือกโฟกัสสิ่งสำคัญแรกสุดก่อน และทำมันให้สำเร็จ
เราไม่ได้เก่งทุกอย่าง บางอย่างคนอื่นทำได้ เราอาจทำไม่ได้ อย่าพยายามที่จะควบคุม และทำเก่งในทุกเรื่อง อย่่างที่บอกเราทุกคนสำเร็จได้ ด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน แม้ว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นเป้าหมายเดียวกันก็ตาม
บางคนมักจะตามน้ำไปกีบสิ่งรอบข้าง จนละเลยเป้าหมายของตัวเอง หรือเป้าหมายที่เคยมีเบี่ยงเบนไป ดังนั้นเลือกที่จะปฏิเสธบางอย่างที่เข้ามา เพื่อโฟกัสกับเส้นทางของเราให้ชัดเจน
เคยได้ยินไหมว่าถ้าเราได้อยู่กับเก่ง เราก็จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เก่งไปด้วย ดังนั้นคนที่เอาแต่จะข้อนขอด บั่นทอนกำลังใจเราอย่าไปเข้าใกล้เลย เชื่อฟังตัวเอง และอยู่กับคนที่มีความมุ่งมั่นเหมือนๆ กันดีกว่า
คิดซะว่าเราเป็นโฆษณาสักชิ้น ที่มีทั้งคนที่ชอบและคนที่เกลียด ไม่มีทางที่ตลอดเส้นทางของเราจะเจอแต่คนที่เห็นดีเห็นงามด้วย แต่ก็อย่ายอมแพ้ง่ายๆ แค่เพราะทุกคนไม่ชอบเรา หรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราอยากจะเป็นเลย
ปัญหาอย่างหนึ่งของการไปไม่ถึงเป้าหมายคือการคิดว่า ‘เรายังมีเวลา’ การเอาเวลาไปใช้กับโซเชียลอาจไม่ตอบโจทย์ ถ้าเป้าหมายของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านั้น ควรลดเวลาในการใช้งานลง และหันไปพัฒนาตัวเองมากขึ้น
คำว่า ‘ยอมแพ้’ ไม่ได้มีความหายในแง่ลบเสมอไป อยู่ที่มุมมองเสียมากกว่า และวันนี้มาลองยอมแพ้กันสักเรื่องสองเรื่องดู เผื่อว่าเราจะสามารถเข้าใกล้เป้าหมายเราได้มากขึ้น
การ ‘ยอมแพ้’ ที่ว่าไม่ได้หมายถึงให้ยอมแพ้กับเป้าหมายหรือความสำเร็จ แต่ให้ยอมแพ้กับบางเรื่องที่อาจทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้ยากกว่าเดิม หรือเป็นสิ่งที่เราพยายามดันทุรังแต่ไม่เกิดผล
Sources: Medium, cnbc