Type to search

เปิดใจ ‘บิล เกตส์’ เบื้องหลังผู้ผลักดัน OpenAI x Microsoft และทำไม AI จึงร้อนแรงที่สุดในปี 2023

February 19, 2023 By Future Trends

แม้ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft อย่างบิล เกตส์ จะไม่ได้นั่งบริหาร หรือเป็นพนักงานประจำที่บริษัทซึ่งตนเองก่อตั้งมาในปี 1975 แล้ว แต่เขายังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเติบโตขององค์กรนี้ในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์

ข่าวความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง Microsoft กับ OpenAI สตาร์ตอัปผู้สร้างแชตบอตอัจฉริยะอย่าง ChatGPT จนนำไปสู่การลงทุนในสตาร์ตอัปแห่งนี้ถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเปิดตัวระบบค้นหา Bing เวอร์ชันใหม่ของ Microsoft ล้วนเริ่มต้นมาจากบิล เกตส์

สำนักข่าว Forbes ได้สัมภาษณ์พิเศษบิล เกตส์ เกี่ยวกับเบื้องหลังความเป็นมาของการร่วมมือกันระหว่าง Microsoft กับ OpenAI รวมถึงวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต

ต่อไปนี้ คือ บทสัมภาษณ์ที่บิล เกตส์ เปิดใจเล่าให้ฟังถึงมุมมองของเขาเกี่ยวกับ AI และผลกระทบที่จะเกิดต่อไปในอนาคต

ดูเหมือนคุณพูดถึงสิ่งที่ OpenAI ทำด้วยความตื่นเต้นครั้งแรกในปี 2018 ถูกต้องหรือไม่ คุณเริ่มสนใจบริษัทนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ความสนใจเรื่อง AI ของผมเริ่มตั้งแต่วันแรกๆ ที่ได้เรียนเรื่องซอฟแวร์ แนวคิดที่ว่า คอมพิวเตอร์สามารถมองเห็น ได้ยินเสียง และเขียนหนังสือได้ เป็นความพยายามของทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมนี้มายาวนาน

ผมสนใจมันมาตลอด ยิ่งเมื่อเทคนิค machine learning เริ่มทำงานได้ดีมากๆ โดยเฉพาะเรื่องต่างๆ อย่างการจดจำเสียง และรูปภาพ ผมทึ่งตรงที่เรายังต้องการนวัตกรรมอีกแค่ไหน ก่อนที่ AI จะฉลาดจริงๆ ในแง่ผ่านบททดสอบต่างๆ และสามารถเขียนหนังสือได้อย่างแตกฉาน

ผมสนิทกับแซม อัลต์แมน (Sam Altman ซีอีโอ OpenAI) และก็รู้จักกับเกรก (Greg Brockman ประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง) ผ่าน OpenAI และคนในนั้นบางคน เช่น อิลยา (Ilya Sutskever ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ OpenAI) ผมบอกกับพวกเขาว่า “เฮ่ นายรู้ไหม ผมคิดว่า มันไม่มีทางพัฒนาได้มากขึ้น หากเราไม่มีตัวแทนความรู้ และรูปแบบของตรรกสัญลักษณ์ที่ชัดเจน”

มีหลายคนตั้งคำถามนี้ ไม่ใช่แค่ผม แต่พวกเขาทำให้ผมเชื่อว่า มันมีพฤติกรรมสำคัญที่ปรากฏขึ้นมาขณะที่คุณเพิ่มขนาดโมเดลภาษาให้ใหญ่ขึ้น และพวกเขาทำให้เกิดนวัตกรรมได้จริงด้วยการนำเรื่องการเรียนรู้ใส่เพิ่มเข้าไป

ผมคอยติดต่อกับพวกเขาไม่ห่าง พวกเขานำเสนอเรื่องพวกนี้ได้เก่งมาก เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจึงทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะในด้าน back-ends (ระบบหลังบ้าน) ใหญ่ๆ ที่ต้องใช้ทักษะพวกนี้ นั่นคือที่มาของความร่วมมือกันกับ Microsoft

สิ่งนั้นต้องสร้างความประทับใจส่วนตัวให้คุณ เพราะมรดกที่คุณทิ้งไว้กำลังเป็นประโยชน์กับพวกเขา

ใช่แล้ว ผมรู้สึกดีมากเพราะผมรักเรื่องพวกนี้ การสวมหมวกมูลนิธิ (บิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ฟาวน์เดชัน) อีกใบ ก็ช่วยในมุมที่ว่า จะมีติวเตอร์สอนเลขให้กับนักเรียนในเขตตัวเมืองชั้นใน หรือผู้ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ที่สามารถช่วยเหลือคนในแอฟริกา ซึ่งตลอดชีวิตของพวกเขาแทบไม่มีโอกาสได้ไปพบแพทย์ สิ่งนั้นคือเรื่องที่ค่อนข้างวิเศษ

คุณรู้ไหม เราไม่มีกำลังมนุษย์ออฟฟิศเหลือสำหรับงานที่มีคุณค่าอีกมากมาย ผมต้องบอกว่า จริงๆ แล้วปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้าใน AI ทำให้ผมตื่นเต้นมาก

มีไม่กี่คนที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี หรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบใกล้ๆ เหมือนคุณ อยากเปรียบเทียบ AI กับเหตุการณ์ใดในประวัติศาสตร์เทคโนโลยีบ้าง

ผมจะบอกว่า สิ่งนี้มันใช่เลย เราเคยมี PC (คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล) แบบไร้กราฟฟิกอินเตอร์เฟส จากนั้นคุณก็มี PC พร้อมกราฟฟิกอินเตอร์เฟส เช่น Windows และ Mac ซึ่งสำหรับผมถือเป็นการเริ่มต้นจริงๆ ขณะผมยังใช้เวลาอยู่กับ ชาร์ลส์ ซีมอนยี (Charles Simonyi) ที่บริษัท ซีร็อกซ์ (Xerox PARC)

ตัวอย่างของสิ่งนั้นมีผลกระทบกับผมมาก และช่วยให้เกิดลิสต์ของสิ่งต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นทั้งใน Microsoft และอุตสาหกรรมนี้ 

แน่นอนหลังจากนั้น อินเทอร์เน็ตทำให้มันขยับขึ้นไปอีกขั้น ตอนผมเป็นซีอีโอ Microsoft ผมเขียนบันทึกเรื่อง “คลื่นยักษ์” ของอินเทอร์เน็ต มันค่อนข้างน่าทึ่งว่า สิ่งที่ผมกำลังเห็นใน AI แค่ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ทุกอย่างมันสำคัญพอๆ กับการเกิดขึ้นของ PC ตลอดจน PC พร้อม GUI (graphical user interface) หรืออินเทอร์เน็ต

มันเทียบเท่าเหตุการณ์สำคัญที่สุดในโลกเทคโนโลยีดิจิทัลที่ว่ามา

ผมรู้ว่า OpenAI ทำงานได้ดีกว่าเจ้าอื่น ผมไม่ได้บอกว่า พวกเขาเป็นเจ้าเดียว คุณก็รู้ว่า ตามข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนที่น่าทึ่งก็คือ มันจะมีผู้เข้ามาในพื้นที่นี้จำนวนมาก แต่สิ่งที่ OpenAI ทำน่าประทับใจมาก และพวกเขาก็เป็นผู้นำในหลายด้านของ AI ซึ่งผู้คนกำลังได้เห็นผ่าน ChatGPT

คุณมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไร ต่อไปคนจะทำงานหรือทำธุรกิจกันอย่างไร พวกเขาควรตื่นเต้นกับ ‘ความโพรดักทีฟ’ หรือไม่ หรือควรวิตกเรื่องตกงาน คนควรรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้ที่มีความหมายต่ออาชีพการงานของพวกเขา

นักอนาคตศาสตร์ส่วนใหญ่ที่เฝ้าจับตาการมาของ AI บอกว่า งานที่ต้องใช้แรงงาน และทำแบบเดิมๆ ซ้ำๆ จะเป็นอาชีพแรกที่ได้รับผลกระทบจาก AI และมันกำลังเกิดขึ้นจริง ผู้คนไม่ควรลดการ์ดเรื่องนั้น แต่มันเกิดขึ้นช้าไปนิดจากที่ผมคิดไว้ 

รอดนีย์ บรูคส์ (Rodney Brooks) อาจารย์เกียรติคุณที่ MIT และผู้ประกอบการด้านหุ่นยนต์ เคยพูดถึงสิ่งที่ผมขอเรียกว่า เป็นมุมมองค่อนข้างอนุรักษนิยมเกินไปเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า สิ่งเหล่านั้นจะมาเร็วแค่ไหน 

รถขับเคลื่อนอัตโนมัติมีความท้าทายแบบเฉพาะ แต่การใช้หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมจะยังคงเกิดขึ้นในอีก 5 – 10 ปี สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ งานที่เกี่ยวกับการอ่านและเขียนอันแตกฉาน เช่น การสรุปชุดเอกสารที่มีเนื้อหาซับซ้อน หรืองานเขียนบางประเภทในสไตล์ของนักเขียนที่มีอยู่แล้ว คุณสามารถทำสิ่งนั้นด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่เหล่านี้ และใช้งานพวกมัน ซึ่งความแตกฉานอยู่ในขั้นน่าทึ่งเลยทีเดียว

สิ่งหนึ่งที่ผมท้าเกรกเมื่อต้นฤดูร้อนที่ผ่านมา คือ “เฮ่ โมเดลของ OpenAI สามารถสอบวิชาชีววิทยาระดับมหาวิทยาลัย (AP Bigology) ผ่านได้หรือไม่” 

ผมบอกเขาว่า “ถ้าคุณทำให้เห็นได้ ผมก็จะบอกว่า มันมีความสามารถในการเป็นตัวแทนสิ่งต่างๆ ในเชิงนามธรรมที่ลึกซึ้ง ซึ่งเป็นมากกว่าแค่เรื่องทางสถิติ”

ตอนผมทำโปรแกรมครั้งแรก เราทำเครื่องสร้างประโยคแบบสุ่มขึ้นมา โดยมีการสร้างกฎความสัมพันธ์ของประโยคภาษาอังกฤษทั่วไป เช่น ประธาน กริยา กรรม และมีกลุ่มคำนาม กลุ่มคำกริยา และกลุ่มคำที่ใช้เป็นกรรม จากนั้นก็ให้มันเลือกคำเหล่านั้นแบบสุ่ม ซึ่งแต่ละครั้งมักมีประโยคตลกๆ หรือน่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งโผล่มา คุณจะร้องว่า ‘โอ้ พระเจ้า’ นี่มันเป็นพวก ‘ลิงพิมพ์คีย์บอร์ด’ ชัดๆ

นี่คือสิ่งที่เชื่อมกัน ลองนึกถึงความสามารถของ AI ในการทำบางอย่าง เช่น ข้อสอบ AP (advanced placement) เมื่อมนุษย์อ่านตำราชีววิทยา คุณมีความคิดอะไรเหลือตกค้างบ้าง เราไม่สามารถอธิบายสิ่งนั้นได้ในระดับประสาท แต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา OpenAI แสดงให้ผมเห็นความก้าวหน้าที่น่าประหลาดใจ ผมคิดว่าเราต้องสร้างตัวแทนความรู้ที่ชัดเจนให้มากขึ้น

สัตยา นาเดลลา (ซีอีโอ Microsoft) เก่งมากๆ เรื่องการรับความรู้ด้านเทคโนโลยีจากผม บางทีผมใช้เวลา 10 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดที่มี ประชุมกับฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เกี่ยวกับโรดแมปสินค้าของพวกเขา

ผมมีความสุขกับช่วงเวลานั้น มันช่วยให้ผมทันโลกอยู่เสมอสำหรับงานการกุศล ทั้งด้านสาธารณสุข การศึกษา และเกษตรกรรม มันคือชัยชนะครั้งใหญ่ที่ได้ให้ฟีดแบ็กกับ OpenAI ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ถ้าคุณนับความก้าวหน้านี้ ความสามารถในการช่วยเขียน หรืออ่านมันกำลังเกิดขึ้นตอนนี้ และมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเขายังไม่มีขีดจำกัด หรือคู่แข่ง

ดังนั้น มันจะมีความหมายอย่างไรในโลกกฎหมาย โลกการวางบิล หรือโลกการแพทย์ มันมีพื้นที่ให้เล่นใหญ่มากในเรื่อง ChatGPT เพื่อพยายามขับเคลื่อนแอปพลิเคชันเหล่านั้น หรือแม้แต่เรื่องพื้นๆ อย่างการค้นหาข้อมูล

แน่นอน ChatGPT ยังไม่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครบอกว่ามันไม่เคยผิด และก็ไม่ได้ใช้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเรื่องคณิตศาสตร์ มันจะคำนวณผิดพลาด

ก่อนที่เราจะสอนให้มันเรียนรู้ ความมั่นใจในตัวเองของมันจากคำตอบผิดๆ ยังเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจ เราสอนให้มันเล่น ‘ซูโดกุ’ และทำผิด มันจะบอกว่า ‘โอ้ ฉันพิมพ์ผิด’ แน่นอน คุณพิมพ์ผิด มันหมายความว่าอะไรเหรอ คุณไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีนิ้ว แต่ ‘พิมพ์ผิด’ อย่างนั้นหรือ นั่นมันมาจากคลังข้อมูลคำศัพท์ที่ใช้สอน

การได้ใช้เวลากับเกรก และแซม อะไรทำให้คุณมั่นใจว่า พวกเขาจะสร้าง AI ขึ้นมาด้วยความรับผิดชอบ และควรไว้ใจให้เป็นผู้ดูแลเทคโนโลยีนี้เมื่อเราขยับเข้าใกล้ AGI (aritifical general intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) มากขึ้นหรือไม่

OpenAI ก่อตั้งมาด้วยสิ่งนี้ในใจ โดยเนื้อแท้พวกเขาไม่ใช่องค์กรแสวงหากำไร แม้พวกเขาต้องการมีทรัพยากรเพื่อสร้างเครื่องจักรขนาดใหญ่ยักษ์เพื่อทำให้สิ่งนี้ก้าวต่อไปข้างหน้า

ในที่สุดมันมีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งฮาร์ดแวร์และค่าฝึกสอนเครื่องจักร แต่ประเด็นระยะใกล้ในเรื่อง AI คือ ‘ความโพรดักทีฟ’ มันจะทำให้สิ่งต่างๆ มีความโพรดักทีฟมากขึ้น และกระทบต่อตลาดแรงงาน

ประเด็นระยะยาว ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเท่านั้น คือ สิ่งที่คนวิตกก็คือ การควบคุมดูแล จะเกิดอะไรขึ้นหากมนุษย์ที่ควบคุมนำมันไปใช้ในทางที่ผิด หากมนุษย์ควบคุมไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นข้อถกเถียงที่ดี

คนเหล่านี้ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยด้าน AI พวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกที่ออกมาบอกว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ Microsoft ในฐานะหุ้นส่วนก็คำนึงถึงเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้ และ AI จะกลายเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยถกเถียงกัน

มันจะเป็นประเด็นร้อนแรงแห่งปี 2023 และเป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสม มันจะเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และจะทำให้เราตั้งคำถามว่า ขอบเขตอยู่ตรงไหน เช่น มันยังไม่เข้าใกล้กับการประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ แต่เท่าที่เห็น สิ่งนั้นมันอยู่ในขอบเขตความเป็นไปได้ในอีก 5 – 10 ปี

คุณชอบอะไร หรือสนุกกับเรื่องใดมากที่สุด จากทั้งหมดที่เครื่องมือเหล่านี้สร้างสรรค์ขึ้นมา

มันสนุกมากที่ได้เล่นกับสิ่งเหล่านี้ เมื่อคุณอยู่กับกลุ่มเพื่อน และต้องการเขียนโคลงกลอนสักชิ้นสนุกๆ ข้อเท็จจริงที่คุณสามารถบอกมันคือ โอเค “เขียนให้เหมือนเชคสเปียร์นะ” และมันทำได้ ความคิดสร้างสรรค์นั้นคือสิ่งที่น่าสนุก

ผมประหลาดใจเสมอ แม้เหตุผลที่ผมมีโอกาสเข้าถึง AI เป็นเป้าหมายที่จริงจัง แต่ผมมักใช้ ChatGPT ทำแต่เรื่องเล่นๆ สนุกๆ เมื่อหวนนึกถึงโคลงกลอนที่มันแต่งขึ้นมา ผมยอมรับว่า ผมไม่สามารถเขียนแบบนั้นได้

นั่นคือเบื้องหลังเหตุผลที่ทำให้ Microsoft จับมือเป็นพันธมิตรกับ OpenAI และกำลังทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออาชีพการงาน และการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ในอนาคต

เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun

Source: http://bit.ly/3XGzX1Q