TikTok จะครองโลก Clubhouse กำลังจะตาย 6 เทรนด์โซเชียลมีเดียที่น่าจับตามองในปี 2023

Share

ผลสำรวจเรื่อง Daily time spent on social networking by internet users worldwide from 2012 to 2022 ของสตาร์ทิสต้า (Statista) เผยว่า ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาไปกับโซเชียลมีเดียอย่างน้อย 147 นาทีต่อวัน หรือประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง

เพราะฉะนั้น นี่จึงไม่แปลกว่า ทำไมโซเชียลมีเดียถึงกลายเป็นช่องทางที่สำคัญของการทำธุรกิจ และเป็นสิ่งที่บรรดาครีเอเตอร์ นักการตลาด พ่อค้า แม่ขายต่างพากันจับตามองนั่นเอง คำถามถัดมาคือ ปัจจุบัน โซเชียลมีเดียมีการปรับอัลกอรึทึม และเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ แล้วยุคต่อไป อะไรจะได้ไปต่อ และอะไรจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง? ในบทความนี้ Future Trends จะพาทุกคนไปหาคำตอบผ่านรายงาน Social Media Trends 2023 ของฮูทสวีต (Hootsuite) กัน

1. TikTok จะครองโลก

การมาที่เร็ว และแรงของติ๊กต็อก (TikTok) ตลอดปี 2022 ทั้งฟีเจอร์ และโหมดใหม่ๆ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ในอนาคตอันใกล้ มันจะกลายเป็น ‘Super App’ อันดับหนึ่งของโลกโซเชียลที่มีบริการแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย การส่งข้อความ การบริการ หรือการชำระเงิน

สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุดที่ชี้ให้เห็นว่า ติ๊กต็อกเป็นแอปพลิเคชันที่ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ในแง่ของเวลาการใช้งาน และความรู้สึกเชิงบวก เห็นได้จากผู้ใช้งานที่ใช้เวลามากถึง 95 นาทีต่อวัน, 23.6 ชั่วโมงต่อเดือน และ 78.6 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตก็ยังใช้ติ๊กต็อก เพื่อเสพคอนเทนต์ที่ตลก สนุกสนานด้วย

2. ‘Reels’ คืออนาคตสำคัญ

รายงานเผยว่า อินสตาแกรม (Instagram) ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมจากแบรนด์ต่างๆ โดยหนึ่งในสิ่งที่น่าจับตามองนั่นก็คือ Reels หรือวิดีโอสั้นที่มีผู้ใช้งานเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานเพิ่มกว่า 220 ล้านคน อีกทั้ง อัลกอริทึมก็ยังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

3. Clubhouse กำลังจะตาย

หากยังจำกันได้ ปีที่แล้วเป็นช่วงที่คลับเฮ้าส์ (Clubhouse) โซเชียลในรูปแบบเสียงแจ้งเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ จนหลายๆ คนทำนายว่า มันจะกลายเป็น ‘The next big thing’ ในยุคต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในอนาคต มีการคาดการณ์ว่า มันอาจจะหายไปจากโลกโซเชียลตลอดกาล เนื่องจาก ทวิตเตอร์ (Twitter) ที่มีฐานผู้ใช้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็มีการพัฒนา Twitter Spaces ฟีเจอร์โซเชียลในรูปแบบเสียงเช่นกัน รวมไปถึงยังมีข้อมูลระบุด้วยว่า โซเชียลในรูปแบบเสียงนั้นไม่โดนใจผู้ใช้งานมากนัก มีวัยรุ่น และผู้ใหญ่ชาวอเมริกาเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ Twitter Spaces

4. LinkedIn จะเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มการหางาน

ลิงก์อิน (LinkedIn) จะไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มการหางานเพียงอย่างเดียว แต่อนาคตมันจะเป็นโซเชียลมีเดียรูปแบบหนึ่งที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น คำแนะนำต่างๆ โพสต์เรื่องเล่าเรื่องส่วนตัว และภาพถ่าย เป็นต้น

5. Gen Z จะถูกนิยามใหม่เป็นผู้สร้างคอนเทนต์เอง

ผู้สร้างคอนเทนต์จะไม่ใช่เพียงนักการตลาด แบรนด์ หรือคนดังอีกต่อไป แต่ในยุคที่ใครๆ ก็มีสมาร์ตโฟน โซเชียลมีเดียกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้ทุกคนสามารถเป็นผู้สร้างคอนเทนต์ได้ด้วยตัวเอง (User-Generated Content หรือ UGC) และยังช่วยเพิ่มการรับรู้ กระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจนแซด (Gen Z) นั่นเอง

6. SEO จะเข้ามาแทนที่แฮชแท็ก

แม้แฮชแท็กจะเป็นเครื่องมือสำคัญของการทำแคมเปญการตลาด แต่หลังจากนี้ การทำ SEO จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก ผู้คนมักจะใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักในการค้นหาสินค้า บริการ หรือแบรนด์ต่างๆ และการปรับ Keyword ของแคปชันให้เหมาะสมแทนการใช้แฮชแท็กช่วยเพิ่มการเข้าถึงได้ 30 เปอร์เซ็นต์ และการมีส่วนร่วมถึง 2 เท่าด้วยกัน

และนี่ก็คือ เทรนด์แห่งอนาคตที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นที่เรานำมาฝากกัน แล้วคุณล่ะคิดยังไงกับเรื่องนี้ คิดว่าเทรนด์เหล่านี้จะเกิดจริงไหม? มาแชร์ในคอมเมนต์กัน!

Sources: https://bit.ly/3UPuepG

https://bit.ly/3EDs5b1