‘Buy Now Pay Later’ โมเดลธุรกิจแสนดีที่พาเข้าสู่ ‘กับดักหนี้’ โดยไม่รู้ตัว

Share

จะดีแค่ไหน ถ้าสามารถผ่อนชำระสินค้าที่ต้องการโดยไม่ใช้บัตรเครดิตได้?

การผ่อนชำระสินค้าด้วยบัตรเครดิต เป็นวิธีการชำระเงินที่หลายคนเลือกใช้ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ซื้อสินค้าในคราวเดียว ทำให้สามารถจัดการค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น และไม่เสียผลประโยชน์ด้านดอกเบี้ยเงินฝากจากการถอนเงินก้อนใหญ่

นอกจากนี้ การใช้บัตรเครดิตยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมาย เช่น การผ่อน 0 เปอร์เซ็นต์ กับร้านค้าที่ร่วมรายการ การรับเครดิตเงินคืน (Cash Back) การสะสมแต้มเพื่อแลกเป็นของกำนัลหรือส่วนลดในภายหลัง เป็นต้น

แต่การที่ทุกคนจะถือครองบัตรเครดิตในชื่อของตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ง่ายขนาดนั้น เพราะการสมัครบัตรเครดิตต้องใช้เอกสารยืนยันตัวตน รวมถึงเกณฑ์เรื่องรายรับในแต่ละเดือนด้วย หากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่สถาบันทางการเงินกำหนด จะไม่สามารถสมัครบัตรเครดิตได้ ครั้นจะทำเรื่องขอสินเชื่อส่วนบุคคล ก็มีขั้นตอนยุ่งยากไม่ต่างกัน แถมยังมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าด้วย

ด้วยข้อจำกัดด้านการสมัครบัตรเครดิตและการทำเรื่องขอสินเชื่อ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘Buy Now Pay Later’ (BNPL) หรือ ‘ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง’ ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) และผู้ให้บริการทางการเงินเป็นอย่างมาก

‘Buy Now Pay Later’ น่าสนใจอย่างไร? ทำไมภาคธุรกิจถึงพากันเข้ามาใช้ระบบการชำระเงินรูปแบบนี้? Future Trends จะพาทุกคนไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน

‘Buy Now Pay Later’ โมเดลธุรกิจแสนดีที่ใครๆ ก็ต้องการ

Image by our-team on Freepik

Buy Now Pay Later คือระบบการชำระเงินที่ผู้ซื้อสามารถจ่ายเงินหลังจากซื้อสินค้าได้ในระยะเวลาหนึ่ง หรือแบ่งชำระเป็นงวดได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือไม่มีอัตราดอกเบี้ยเลย ทำให้ Buy Now Pay Later มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บริการสินเชื่อ ณ จุดขาย (POS) นั่นเอง

หลายคนมองว่า Buy Now Pay Later ไม่ได้ต่างอะไรกับการซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิต เพราะผู้ซื้อสามารถนำสินค้ามาใช้งานได้ก่อน แล้วค่อยชำระเงินตามวันที่กำหนดภายหลัง แต่สิ่งที่ทำให้ Buy Now Pay Later กำลังได้รับความนิยมแซงหน้าบัตรเครดิต คือขั้นตอนการสมัครที่ไม่ยุ่งยากและซับซ้อน อาจใช้เพียงเอกสารยืนยันตัวตนหรือการตรวจสอบประวัติทางการเงินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

ไมเคิล มีแบช (Michael Miebach) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ไว้อย่างน่าสนใจว่า “ผู้คนกว่า 81 เปอร์เซ็นต์ จากการสำรวจของเราเคยได้ยินและทราบข้อมูลเกี่ยวกับ Buy Now Pay Later ทำให้เราต้องกลับมาขบคิดและหาทางพัฒนาบริการให้ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้น”

บทสัมภาษณ์ของไมเคิลไม่ใช่สิ่งเดียวที่การันตีการดิสรัปต์วงการบัตรเครดิตและสินเชื่อของ Buy Now Pay Later เพราะข้อมูลจากสำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทมส์ (Financial Times) ระบุว่า ในปี 2021 Buy Now Pay Later สร้างมูลค่าตลาดได้ถึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นตัวเลขที่สูงกว่ามูลค่าตลาดในปี 2019 ราว 4 เท่า เลยทีเดียว

สิ่งที่ทำให้ Buy Now Pay Later เติบโตอย่างก้าวกระโดดในเวลาไม่กี่ปี และกลายเป็นโมเดลธุรกิจน่าจับตามอง คือความสัมพันธ์แบบ ‘win-win’ ระหว่างภาคธุรกิจกับฐานลูกค้ารายใหญ่ของอีคอมเมิร์ซอย่าง ‘มิลเลนเนียล’ (Millennials) และ ‘เจนแซด’ (Gen Z) ที่ต้องการซื้อของแบบผ่อนชำระแต่คุณสมบัตืไม่ถึงเกณฑ์การขออนุมัติสินเชื่อ การมีระบบ Buy Now Pay Later จะกระตุ้นให้คนกลุ่มนี้ตัดสินใจซื้อสินค้าง่ายขึ้น ถือเป็นโอกาสเพิ่มรายได้ของภาคธุรกิจในเวลาเดียวกัน

แต่ ‘Buy Now Pay Later’ มีแค่ด้านที่เป็นประโยชน์จริงเหรอ?

‘Buy Now Pay Later’ พาเข้าสู่ ‘กับดักหนี้’ โดยไม่รู้ตัว

Image by Freepik

“ทุกสิ่งล้วนเป็น ‘สีเทา’ และเป็น ‘ดาบสองคม’ อยู่ในตัว”

ถึงแม้ Buy Now Pay Later จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินค้าราคาสูงง่ายขึ้น และช่วยให้ภาคธุรกิจมีโอกาสสร้างรายได้มากกว่าเดิม แต่ถ้าใช้จนเกินตัว ระบบการชำระเงินแสนดีที่อนุญาตให้ใช้สินค้าก่อนจ่ายเงิน อาจกลายเป็น ‘กับดักหนี้’ ที่ตกลงไปแล้วต้องใช้หนี้ไม่รู้จบ และภาคธุรกิจอาจได้รับผลกระทบมากกว่าที่คิด

ความหอมหวานของ Buy Now Pay Later กระตุ้นให้คนใช้เงินมากขึ้น จนกลายเป็นการใช้เงินเกินตัว โดยผลสำรวจจาก LendingTree ระบุว่า 42 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ใช้งาน Buy Now Pay Later ไม่สามารถชำระเงินได้ตามเวลาที่กำหนด นอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานที่ต้องเสียค่าปรับโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในการบริหารกระแสเงินสดอีกด้วย

นอกจากนี้ ความอันตรายของ Buy Now Pay Later ยังมีผลต่อ ‘มิลเลนเนียล’ และ ‘เจนแซด’ โดยตรง เพราะคนกลุ่มนี้ยังมีความเปราะบางด้านการเงินในด้านของรายได้และความรู้ในการบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล ยิ่งใช้ระบบ Buy Now Pay Later ซื้อของได้ ยิ่งมีโอกาสก่อหนี้แบบ ‘โนลิมิต’ มากขึ้น

ดังนั้น วิธีการใช้ Buy Now Pay Later อย่างปลอดภัย คือการทบทวนกับตัวเองว่า สิ่งของที่ตัดสินใจซื้อจำเป็นกับชีวิตจริงๆ หรือเปล่า และถ้าซื้อไปแล้วสามารถชำระเงินได้ทันเวลาหรือไม่ เพราะการตัดสินใจก่อหนี้แต่ละครั้งควรเกิดประโยชน์กับชีวิตมากกว่าให้โทษในภายหลัง

และที่สำคัญ ควรใช้ Buy Now Pay Later เป็นตัวช่วยในการเข้าถึงสินค้าจำเป็นไปพร้อมๆ กับการบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าใช้เป็นเครื่องมือในการก่อหนี้

Sources: http://bit.ly/3Ew4Ez4

http://bit.ly/3EBkDvQ

http://bit.ly/3AMMUyj

http://bit.ly/3gwa3yi

http://bit.ly/3OBLyfB