หนึ่งในประเด็นร้อนแรงที่ถูกพูดถึงกันช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้น ‘พิษอหิวาต์แอฟริกากันในสุกร (African swine fever หรือ AFS)’ ที่ยังคงระบาดต่อเนื่องอย่างแน่นอน ปริมาณหมูในตลาดที่ลดน้อยลง สวนทางกับความต้องการของผู้บริโภคที่คงที่ ส่งผลให้ราคาหมูหน้าเขียงนั้นปรับตัว ‘สูงขึ้น’
โดยเรื่องนี้ก็กระทบต่อคนทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า-แม่ค้าขายหมูสด หรือแม้กระทั่งจงใจ กิจแสวง เจ้าของร้าน ‘หมูทอดเจ๊จง’ หมูทอดสูตรเด็ดในตำนานที่โด่งดังมากในหมู่นักชิม และเป็นร้านโปรดของหลายๆ คน
เมื่อพุธที่ผ่านมา (วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565) ราคาเนื้อหมูหน้าเขียงนั้นส่อแนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ ทิศทางเริ่มปรับ ‘ลดลง’ ส่งผลให้บางร้านเริ่ม ‘ขยับราคาลง’ ตาม และแน่นอนว่า หนึ่งในนี้ก็มีร้านหมูทอดเจ๊จงด้วย ซึ่งก็ได้ ‘ทำตามสัญญา’ ที่เคยให้ไว้ว่า หากราคาต้นทุนลง จะกลับมาขายราคาเดิม โดยล่าสุดมีการปรับราคาอาหารแบบกับข้าวลดลง 1-2 บาท ข้าวหมูทอดถุงจาก 26 บาท เหลือ 25 บาท ข้าวหมูทอดกล่องใส่เวฟจาก 39 บาท เหลือ 37 บาท หมูทอดแบบกิโลกรัมจาก 300 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 290 บาทต่อกิโลกรัม
หลังจากเรื่องราวนี้ถูกแชร์ออกไป ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งเข้ามาแสดงความคิดเห็น และชื่นชมทางร้านเป็นอย่างมากว่า มีการทำการค้าแบบตรงไปตรงมา จริงใจกับผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งที่หาได้ยาก
การปรับราคาหมูขึ้น-ลงตาม ‘ความเป็นจริง’ เหมือนเช่นราคาน้ำมัน ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ (ไม่ใช่แบบใครบางคนที่ขอเวลา แต่ผ่านไปอีกกี่ปีก็ทำไม่ได้สักทีค่ะ ฮ่า) เรื่องราวความจริงใจที่เข้าถึงใจผู้บริโภคที่เกิดจากอินไซต์ส่วนตัวของเจ๊ ไม่ใช่นักการตลาด จากความไม่ได้ตั้งใจจนกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากบนโลกโซเชียลภายใต้ชื่อของ ‘การตลาดแบบจริงใจ’
แล้วการตลาดแบบจริงใจที่ว่านี้แฝงด้วยไม้เด็ดอะไรบ้าง? วันนี้ Future Trends จะพาไปดูกันค่ะ
แม้จะมีการปรับราคาขึ้นในช่วงก่อนหน้า แต่จากภาพรวม ราคาหมูทอดของทางร้านก็ค่อนข้างย่อมเยาอยู่ดีเมื่อเทียบกับอาหารหรือร้านอื่นๆ ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการปรับราคาขึ้น-ลงหรอกนะคะ แท้จริงเจ๊จงก็เคยทำมาหลายครั้งแล้วด้วย โดยทุกครั้งก็เป็นราคาที่มีความสมเหตุสมผล (Reasonable price) ลูกค้ารับได้ แต่ขณะเดียวกันทางร้านก็ไม่ได้ย่อยยับขาดทุนอะไร
การกางข้อมูลที่มาที่ไปเป็นหลักฐานความจริง (Supportive evidences) ไม่ได้มีการเสริมเติมแต่งมาใช้ประกอบการอธิบาย อีกทั้งข้อความหลัก (Key message) อย่าง ‘หากราคาต้นทุนลง จะกลับมาขายราคาเดิม’ ที่ถูกย้ำเป็นประจำ แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ไม่คิดจะโก่งราคา ฉกฉวยโอกาสเล็กๆ น้อยๆ เข้ากระเป๋า
คุณภาพสินค้าที่คงมาตรฐานไม่เปลี่ยน บอกผู้บริโภคอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ลดปริมาณลงแบบเนียนๆ แล้วใช้เรทราคาเดิม ภาพตัวเจ๊จงในการสื่อสาร (Brand Spokesperson) ที่น่ารัก เชื่อถือได้ เรื่องเล่าที่เกิดจากการลงมือทำจริง (Storydoing) ยิ่งเป็นแรงเสริมให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น และไว้วางใจมากยิ่งขึ้น กลายเป็นเสน่ห์ที่ยั่งยืนทำให้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปีก็ยังคงยืนหนึ่งในใจของคนไทยตลอดกาล…
นอกจากนี้ ในปัจจุบันคนเบื่อการสร้างภาพต่างๆ เริ่มถามหา ‘ความจริงใจ’ จากแบรนด์กันมากขึ้น จากงานวิจัยของฮาร์วาร์ดบิสซิเนสรีวิว (Havard Business Review) ระบุว่า ธุรกิจไหนที่ปรับตัว ใช้กลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับผู้บริโภคได้ จะมีอัตราการเติบโตของยอดขายที่เหนือคู่แข่งถึง 85 เปอร์เซ็นต์
การลงมือทำจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่การโฆษณาชวนเชื่อสะท้อนให้เห็นถึง ‘เครื่องหมายรับรองความเชื่อมั่น (Trustmark) แบบทิพย์ๆ’ ที่สำคัญกว่าเครื่องหมายการค้า (Trademark) ที่สวยหรู ความจริงใจที่ไม่ได้อยู่แค่ในโลโก้กับแท็กไลน์ (Tagline) เท่ๆ คำคมสุดคลาสสิก ประกอบกับความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Empathy) ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ สวมตัวเองเป็นผู้บริโภค พยายามขึ้นราคาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะปรับลงทันทีเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย
ก่อเกิดเป็นความภักดีในแบรนด์ (Brand loyalty) ได้ใจผู้บริโภคไปเต็มประตู นำไปสู่การบอกต่อปากต่อปาก (Word of mouth) และพื้นที่สื่อโฆษณาแบบฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว (Earned media) เกิดการซื้อซ้ำอีกนับไม่ถ้วน ต่อยอดสู่การเป็นสาวกของแบรนด์ (Brand Advocates) ที่แข็งแกร่งในที่สุด
และแน่นอนว่า หากพูดถึงหมูทอดทีไร พวกเขาเหล่านี้ก็จะนึกถึงร้านเจ๊จงเป็นอันดับแรกเสมอ (Top of mind brand) ความจริงใจที่ ‘ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวานยาวๆ’ ดูเหมือนจะไม่ได้เห็นเป็นเม็ดเงินในวันนี้มากนัก แต่ที่แน่ๆ ได้ใจ ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือกลับไปเต็มๆ ซึ่งเป็นผลดีอย่างยิ่งในอนาคต
หรืออย่างเวลาที่คบเพื่อนหรือแฟน คนไหนจริงใจ เราก็คบกันยาวๆ จนแก่ชรา เช่นเดียวกัน ร้านไหนจริงใจ ไม่เอาเปรียบ เราก็พร้อมจะเป็นมิตรรักแฟนคลับ แวะเวียนกลับไปซื้ออยู่เสมอ สรุปแล้ว Quality is loyalty. แต่ในขณะเดียวกัน Sincerity ก็สำคัญไม่แพ้กัน
และนี่ก็คือความจริงใจที่แปรเปลี่ยนเป็น ‘การตลาดแบบจริงใจ’ ทำให้ร้านหมูทอดเจ๊จง จงเจริญมาจนถึงทุกวันนี้ กลายเป็นร้านที่ใครๆ ต่างไปฝากท้องกันทุกช่วงเวลา โดยที่ทางเจ้าของเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า กำลังเสริมความแข็งแกรงของแบรนด์อยู่เรื่อยๆ …
Sources: https://bit.ly/3EDQqvB