ปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์อย่างเราๆ ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกช่วงวัย และสามารถใช้งานมันได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าเป็นการสื่อสาร การทำงาน หรือการพักผ่อนก็ตาม ดังนั้น อินเทอร์เน็ตจึงถือเป็นความก้าวหน้าทางดิจิทัลที่ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราสะดวกสบาย มากยิ่งขึ้น
แต่ในข้อดีย่อมมีข้อเสียแอบแฝงไว้ โดยผลกระทบของยุคดิจิทอลนั้นส่งผลให้โลกเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ผู้คนต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา และทำให้เกิดวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่เราเรียกว่า ‘Hustle Culture’
‘Hustle Culture’ คือวัฒนธรรมแห่งความเร่งรีบ หรือเรียกอีกอย่างว่าวัฒนธรรมการ ‘คลั่งงาน’ ซึ่งหมายถึงคนที่ทำงานเกินกว่าระยะเวลาปกติ เพื่อสร้างผลลัพท์ที่ดีในระยะเวลาสั้นๆ เช่น พนักงานทำงานเฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมง หรือ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่กลายเป็นว่าในบริษัทมีคนทำงานเฉลี่ยมากกว่านั้น ซึ่งบริษัทในรูปแบบสตาร์ตอัปมักจะใช้วัฒนธรรมนี้ในการขัดเกลาความสามารถของพนักงานให้แสดงออกมาได้อย่างดี เพื่อให้บริษัทเติบโตและได้รับผลประโยชน์โดยเร็วที่สุด
ซึ่งความเร่งรีบนี่แหละที่ส่งผลให้เราต้องทำงานเพิ่มมากขึ้น หนักยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ทันต่อเวลา และทันต่อเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง เรียกได้ว่า สภาพแวดล้อมที่เร่งรีบนั้นถือเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่จะทำให้เราเกิดอาการ ‘คลั่งงาน’ และหายใจเข้าออกเป็น ‘งาน งาน งาน’ เลยทีเดียว
แน่นอนว่าเราเองก็ต้องปรับตัวเพื่อให้ทันต่อความเร่งรีบนี้ อย่างการทำงานหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กันเพื่อให้งานเสร็จเร็วกว่าเดิม และการหมั่นเช็กโทรศัพท์และอีเมลอยู่เสมอเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ทันต่อเวลา
การทำอะไรก็ตาม หากมี ‘เวลา’ มาเกี่ยวข้อง ก็มักจะสร้างความกดดันให้กับผู้กระทำได้ไม่น้อย ลำพังแค่ทำให้งานเสร็จก็ยากจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งมีเวลาจำกัดอีก ก็จะยิ่งสร้างความเครียดให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
การทำสิ่งต่างๆ ขณะที่กำลังเครียดจะทำให้เราตื่นเต้น กดดัน ทำอะไรก็ไม่ค่อยมีสมาธิ ว้าวุ่นไปหมด จดจ่ออะไรได้ไม่นานก็สติหลุดซะแล้ว เรียกอีกอย่างว่าเรากำลังฟุ้งซ่านจากการคิดมากและกังวล อย่างไรก็ตาม เราทุกคนต่างมีต้นตอในการเกิดเครียดที่แตกต่างกัน แต่เรามักจะมีสิ่งที่ทําทุกวันโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทําให้เรารู้สึกฟุ้งซ่านและไม่จดจ่อมากขึ้น
วันนี้ Future Trends จะมาเฉลยว่าสิ่งที่ทำให้เราฟุ้งซ่านขณะทำงานเนี่ยมีอะไรบ้าง พร้อมบอกเคล็ดคลายคิดมากที่จะมาช่วยให้เราสามารถสงบจิตใจได้ดียิ่งขึ้นให้ด้วย จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
1. การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
ทักษะ Multi Task เป็นทักษะที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้าทักษะพิเศษนี้ก็สร้างปัญหาให้เราได้อยู่เหมือนกันนะ เพราะการที่เราทำงานหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กันนั้น แปลว่าเราต้องแบ่งโฟกัสไปให้งานทุกชิ้น นั่นแปลว่าเราจะเหนื่อยยิ่งกว่าเดิม และจบที่การ ‘ฟุ้งซ่าน’ กังวลว่างานจะเสร็จไม่ทัน
เพื่อสงบจิตใจ ให้ลองงดการทํางานหลายอย่างพร้อมกัน เพราะการทำแบบนั้นจะทําให้สมองเหนื่อยล้า หากจำเป็นที่จะต้องจัดการงานในเวลาไม่มาก ให้เปลี่ยนจากการทำพร้อมไปเป็นการสลับงานเอา ซึ่งการทำงานทีละอย่างจะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่จะทําสองสิ่งพร้อมกัน และมีสมาธิมากขึ้นเท่านั้น
2. โทรศัพท์เจ้าปัญหา
การหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กทุก 2-3 นาทีเป็นปัญหาสําคัญ เราจะขัดจังหวะตัวเองขณะทำสิ่งอื่นๆ และเช็กโทรศัพท์เป็นครั้งที่สามในเวลาเพียง 5 นาที นั่นก็เพราะเรามักจะรู้สึกระแวง และเริ่มคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นานา
หนึ่งในเทคนิคที่ทําให้จิตใจสงบคือการแบ่งเขตตัวเองกับโทรศัพท์ระหว่างเรากับโทรศัพท์ ไม่เช็กโทรศัพท์พร่ำเพื่อ โดยหยิบขึ้นมาดูแต่เวลาที่สำคัญเท่านั้น เพื่อให้เรามีสติ สมาธิ และจดจ่อมากยิ่งขึ้น
หลายๆ ครั้ง ‘Hustle Culture’ ก็ใช้ไม่ได้ผล แถมยังทิ้งสุขภาพที่ย่ำแย่เอาไว้ให้เราดูต่างหน้าอีกต่างหาก นั่นก็เพราะวัฒนธรรมนี้ทำให้คนทำงานรู้สึกหมดไฟหรือเบื่อหน่ายกับการทำงานได้เร็ว ทั้งยังทำให้เราว้าวุ่นใจจากความเร่งรีบได้ไม่น้อย
ท่ามกลางเมืองแห่งความเร่งรีบและวุ่นวาย อย่าลืมที่จะหาจุดที่พอดีกับเราในการปรับตัวและทำงาน เพราะเราก็คงไม่สามารถปฏิเสธ ‘Hustle Culture’ ได้หรอก อยู่ที่ว่ามันจะมาช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
เขียนโดย ชนัญชิดา พลอยพลาย
Source: