โลกใบนี้ย่อมมีสิ่งที่ตรงข้ามกันอยู่เสมอเป็นสัจธรรม มีชั่วต้องมีดี มีผีต้องมีคน มีจนต้องมีรวย มีป่วยก็ต้องมีหาย จิตใจของมนุษย์ก็เหมือนกัน ไม่มีใครที่ขาวสะอาดไปเสียหมด และก็ไม่มีใครที่มืดบอดจนหาข้อดีไม่ได้
เราต่างรู้ว่าทุกคนล้วนมีด้านสว่างและด้านมืดเป็นของตนเอง อยู่ที่ว่าคนๆ นั้นจะแสดงด้านไหนออกมาสู่สายตาของคนรอบข้าง และแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถแสดงออกในด้านสว่างของตัวเองได้อย่างเดียวได้หรอก ยังไงก็ต้องมี ‘ด้านมืด’ โผล่ออกมาบ้างแหละ
‘The Dark Triad’ หมายถึงลักษณะบุคลิกภาพใน ‘ด้านมืด’ ที่แตกต่างแต่เกี่ยวข้องกัน ประกอบไปด้วย 3 ประเภท อันได้แก่ พวกหลงตนเอง (Narcissism) พวกแมคไควิลเลียน (Machiavellianism) และพวกไซโคพาธ (Psychopathy)
ซึ่งวันนี้ Future Trends จะมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจเอง ว่าด้านมืดแต่ละประเภทเป็นยังไง มีผลกระทบอะไรบ้าง แอบกระซิบว่ามันส่งผลต่อการทำงานไม่น้อยเหมือนกัน แต่จะในเชิงบวกหรือเชิงลบ อันนี้ก็ต้องลองพิจารณากันดู
1. พวกหลงตนเอง (Narcissism)
พวกหลงตัวเองเป็นพวกที่คิดว่าตนเองประเสริฐเหนือกว่าคนอื่นในหลายๆ ด้าน ทำให้ต้องการเกียรติยศอย่างมาก คิดว่าตนเองมีความสำคัญ ต้องการการชื่นชมจากผู้อื่น ใช้ประโยชน์จากผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง
2. พวกแมคไควิลเลียน (Machiavellianism)
มีที่มาจาก Niccolo Machiavelli นักการเมืองและนักการทูตชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 16 โดยภาพแบบแมคไควิลเลียนจะมีลักษณะที่มักทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองโดยใช้ประโยชน์จากผู้อื่น เช่น การประจบสอพลอ การไม่มีความจริงใจ ทำผิดแต่ไม่รับผิดและพยายามเอาตัวรอด มีเล่ห์เหลี่ยม
3. พวกไซโคพาธ (Psychopathy)
เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะมีนิสัย ‘ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น’ ‘ไม่รู้สึกผิดเมื่อทำเรื่องไม่ดี’ และ ‘ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง’ (เรียกว่าเป็นคนใจร้ายก็ได้อยู่นะ) ซึ่งในระยะยาวส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตได้นะ นอกจากนี้ยังพบบุคลิกนี้ได้บ่อยใน ‘ฆาตกรต่อเนื่อง’ อีกด้วย
จากข้อมูลข้างต้น แอบเห็นอะไรกันมั้ย ว่าจริงๆ แล้ว นิสัยจากด้านมืดนั้นเป็นสิ่งที่เราพบเห็นในที่ทำงานแทบจะเสมอเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนหลงตัวเองที่หลงคิดว่าตัวเองนั้นดีกว่าทุกคนบนโลก คนที่ชอบประจบสอพลอไปวันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากตีซี้กับหัวหน้า หรือจะเป็นคนที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองผิดก็ตาม😵
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆ คนก็ประสบความสำเร็จได้จากการนำนิสัย ‘ด้านมืด’ ของตัวเองมาใช้ในที่ทำงาน เพราะบางครั้งเราก็เห็นคนที่หลงตัวเองสามารถก้าวนำเราไป 1 ก้าวจากความมั่นใจที่ล้นเหลือ คนประจบสอพลอที่ได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว หรือคนใจร้ายที่สามารถควบคุมและบริหารทีมได้ดี (แม้จะทำร้ายจิตใจของพนักงานก็ตาม)
อย่างไรก็ตาม การนำ ‘ด้านมืด’ มาใช้งานก็อาจจะไม่ได้ส่งผลดีกับทุกๆ คนหรอกนะ เพราะแต่ละคนก็มีความสามารถในการรับมือคนแต่ละประเภทที่แตกต่างกันไป สิ่งที่สำคัญคือเราต้องมี ‘Empathy’ ต่อกันและกัน
ลองคิดเล่นๆ ดูว่า หากเราเป็นคนที่ต้องเจอกับใครก็ตามที่แสดงด้านมืดอยู่ตลอดเวลา เราก็คงรู้สึกแย่และสุขภาพจิตเสียแน่ๆ ดังนั้นลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดู และเลือกเส้นทางที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาตัวเองให้ไปสู่จุดสูงสุดได้โดยที่เรายังมีความสุข และรู้สึกดีกับการกระทำของตัวเอง Future Trends เป็นกำลังใจให้นะ
ใครที่อยากรู้ว่าตัวเองมีด้านมืดแบบไหน ก็มาลองเล่นแบบสอบถามด้านล่างกันดู
.
.
เขียนโดย ชนัญชิดา พลอยพลาย
Sources: