ค่านิยมเดิมๆ ของการท่องเที่ยวต่างประเทศก็คงจะมีลักษณะเป็น “ไปเที่ยวต่างประเทศทั้งที ขอใช้เวลานานๆ ประมาณ 5 วัน 4 คืน แล้วกัน” แต่ถ้าเกิดว่าในปัจจุบันการท่องเที่ยวที่มีระยะเวลานานเกือบหนึ่งอาทิตย์ไม่สามารถตอบโจทย์คนหนุ่มสาวได้แล้วล่ะ มันจะเป็นอย่างไร
วันนี้ Future Trends จะพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับกระแสการท่องเที่ยวในต่างประเทศแบบใหม่ มีชื่อว่า ‘Special Forces Style’ สไตล์การท่องเที่ยวต่างประเทศแบบรวดเร็ว ดั่งหน่วยรบพิเศษ มันจะมีลักษณะเป็นอย่างไร ไปทำความรู้จักพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
[ อะไรคือ การท่องเที่ยว ‘Special Forces Style’ ]
การท่องเที่ยวสไตล์ ‘Special Forces Style’ หรือ การท่องเที่ยวสไตล์ ‘หน่วยรบพิเศษ’ คือ การท่องเที่ยวที่มีระยะเวลาตลอดการเดินทางอยู่ที่ 24-48 ชั่วโมง หรือ เป็นการท่องเที่ยวที่มีระยะเวลาไม่เกิน 2 วันนั้นเอง โดยในระยะเวลาที่กำหนดนั้น จะต้องทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ไม่มีเวลาให้พักผ่อน เปรียบดั่งว่าคุณคือ หน่วยรบพิเศษ ที่ต้องฝึกฝนอย่างเข้มข้น
นิยามของการท่องเที่ยวลักษณะนี้ ดูจะมองไม่เห็นภาพที่ชัดเจนเท่าไหร่เลย เราจะยกตัวอย่างให้ผู้อ่านได้เข้าใจง่ายขึ้น เช่น เราจะจัดแผนการท่องเที่ยวสไตล์หน่วยรบพิเศษ เป้าหมายหลักเลยคือ “การท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่าภายในเวลา 1-2 วัน” นั่นหมายความว่า ทุกวินาทีเราต้องได้ทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารในร้านดัง 20 ร้าน ท่องเที่ยวสถานที่สำคัญ 10 แห่ง โดยทั้งหมดต้องเสร็จสิ้นภายใน
ระยะเวลา 1-2 วัน หรือ 24-48 ชั่วโมงนั่นเอง พอจะเห็นภาพชัดเจนแล้วใช่ไหม ว่าทำไมการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ถึงเรียกว่า สไตล์หน่วยรบพิเศษ
[ ความเป็นมาของ การท่องเที่ยว ‘Special Forces Style’ ]
เริ่มต้นจาก บล็อกเกอร์แนวท่องเที่ยวชาวจีน คนหนึ่ง ทำคอนเทนต์ท่องเที่ยวในเมืองฉงชิ่ง มณฑลเสฉวน โดยมีเป้าหมายคือการกินร้านดังให้ได้มากที่สุด และรวดเร็วที่สุด ในโพสต์วิดีโอสั้นๆ บนแอปไลฟ์สไตล์ Xiaohongshu เธอบันทึกว่ามาถึงสนามบินเวลา 9.00 น. ขึ้นแท็กซี่ตรงไปยังย่านขายอาหาร และ “กินทุกอย่างในระยะเวลา 24 ชั่วโมง”
เธอเริ่มต้นทริปนี้ด้วยชานมที่โด่งดังทางอินเทอร์เน็ต ก่อนจะไปต่อกับเมนูอื่นๆ เช่น ราเมงรสเผ็ดใส่กุ้งเสียบไม้ในหม้อไฟรสเผ็ด เกี๊ยวเย็นฉ่ำทำเอง เบ็ดเสร็จแล้วกว่า 21 เมนู ก่อนจะจบวันของเธอที่ย่าน Hongyadong ย่านแสงสีของเมืองฉงชิ่ง
วิดีโอสั้นๆ นี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 110,000 ครั้ง นับตั้งแต่ที่ถูกเผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางท่องเที่ยวแบบ ‘หน่วยรบพิเศษ’ ซึ่งเป็นที่นิยมในคนหนุ่มสาวอย่างมาก พวกเขาจะรวบรวมร้านอาหาร ความสนุกสนาน และที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทริปสั้นๆ เพียง 24 หรือ 48 ชั่วโมง
[ ความตลกร้ายของ การท่องเที่ยว ‘Special Forces Style’ ]
ถึงแม้ว่าการท่องเที่ยวสไลต์นี้จะเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนรุ่นใหม่ของประเทศจีน แต่แท้จริงแล้ว หากเรามองให้ลึกไปถึงแกนหลักของจุดประสงค์ที่บอกว่า “การท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่าภายในเวลา 1-2 วัน” เหมือนจะสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่คนหนุ่มสาวชาวจีนกำลังเผชิญอยู่มากกว่า เพราะอะไร?
‘ระยะเวลาที่เร่งรีบ’ และ ‘การประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการอยู่ในพื้นที่ให้น้อยที่สุด’ เป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงปัญหาการใช้ชีวิตของพวกเขา คือ การมีรายได้ที่ไม่มากพอ และเวลาที่มีอย่างจำกัด จะวางแผนท่องเที่ยวทั้งที ทำไมต้องเร่งรีบกับชีวิตขนาดนั้น
หากตามข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง จะเข้าใจกระแสเหล่านี้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนหนุ่มสาวของประเทศอย่างทันที
ในตอนนี้คนหนุ่งสาวชาวจีนกำลังเผชิญกับปัญหาการว่างงานอย่างหนักหน่วง จบมหาวิทยาลัยมาไม่สามารถหางานได้ มีปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเพราะ มหาวิทยาลัยที่จบนั้นไม่ติดอันดับที่เป็นนิยมของประเทศ ทำให้เกิดภาวะว่างงานสูงมาก บางส่วนเลือกที่จะทำงานในตำแหน่ง ‘ลูก’ ต่อไป
การทำงานในตำแหน่งลูก คือ ให้พ่อแม่ หรือ ผู้ปกครองส่งเสีย เลี้ยงดูต่อไปนั่นแหละ หางานไม่ได้ปัญหาเลยไปตกอยู่กับพ่อแม่ต้องเลี้ยงลูกต่อไป นอกจากนี้ในหมู่ผู้ที่มีงานทำแล้วก็ยังต้องประสบปัญหาการทำงานหนัก ไม่มีเวลาพักผ่อน หากรวมปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะเข้าใจแก่นแท้ และปัญหาที่ทำให้ การท่องเที่ยวสไตล์หน่วยรบพิเศษเกิดมาและเป็นที่นิยมได้
ทางสำนักข่าว Nikkei Asia ได้สัมภาษณ์ Xiyu อายุ 30 ปี อดีตพนักงานในบริษัทสันทนาการแห่งหนึ่ง โดยเขากล่าวว่า “ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าคนหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่มีเงิน พวกเขาต้องการเดินทางแต่ไม่ต้องการใช้เงิน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทาง ‘สไตล์กองกำลังพิเศษ’” เป็นข้อเท็จจริงที่น่าเห็นใจหนุ่มสาวชาวจีนที่ต้องพบเจอกับเรื่องราวอันน่าหดหู่ในสังคมการใช้ชีวิตอย่างมาก
ในส่วนของอัตราการว่างงานหนุ่มสาวเด็กจบใหม่(กลุ่ม First Jobber)ประเทศจีนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.3 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสที่สอง ซึ่งหมายความว่า 1 ใน 5 คนที่มีอายุระหว่าง 16-24 ปีไม่มีงานทำ
เมื่อวันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม รัฐบาลจีนกล่าวว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) เติบโต 6.3 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก
และในหมู่คนที่กำลังจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจีน สถิติแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ใช้จ่ายเงินเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป มีการเดินทางสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 106 ล้านครั้งในช่วงวันหยุดเทศกาลในเดือนมิถุนายน แต่รายได้สำหรับช่วงเวลาดังกล่าว กลับมีมูลค่ารวมประมาณ 5.2 พันล้านดอลลาร์ เท่านั้น
Yating Xu นักเศรษฐศาสตร์ของ S&P Global Market Intelligence ได้แสดงความคิดเห็นว่า
“หากเศรษฐกิจของจีนยังคงอยู่ในระดับปานกลาง มันจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้ ซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัวลงแล้วและส่งผลเสียต่อการบริโภคภาคเอกชน จากมุมมองเชิงโครงสร้าง เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชนชั้นที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในภาคการท่องเที่ยว”
ข่าวร้ายนี้ไม่กระทบเพียงแค่ประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงประเทศต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มท่องเที่ยวหลักอีกด้วย จากข้อมูลของ Xu การท่องเที่ยวต่างประเทศของคนจีนมีอัตราที่น้อยกว่าก่อนการเกิดโรคระบาด กว่า 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
[ “ท่องเที่ยว 24 ชั่วโมง ‘Special Forces Style’ ในกรุงเทพฯ” และ “48 ชั่วโมงในประเทศไทย” Keyword ยอดฮิตในแพลตฟอร์มออนไลน์ของชาวจีน ]
ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศไทยก็มีรายงานเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวเช่นกัน โดยมันกล่าวว่า “นักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศไทยมาจาก ‘ประเทศมาเลเซีย’” แต่เดินที่อันดับหนึ่งจะเป็นของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้เรารับรู้ได้ว่าประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งที่ได้รับผลกระทบทางการท่องเที่ยวจากกระแสปัญหาของประเทศจีน
หนุ่มสาวชาวจีน อยากมาเที่ยวประเทศไทยมาก แต่ด้วยปัญหาที่เผชิญอยู่จึงเกิดเป็นกระแส “ท่องเที่ยว 24 ชั่วโมง ‘Special Forces Style’ ในกรุงเทพฯ” และ “48 ชั่วโมงในประเทศไทย” ต่างคนต่างแนะนำวิธีการท่องเที่ยวในไทยให้ประหยัดที่สุด
เป็นสาเหตุที่รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนหายไปอย่างมากในประเทศไทย ถึงแม้ร้านอาหารจะมีนักท่องเที่ยวเยอะขึ้นในแต่ละวันจากกระแสการท่องเที่ยวสไตล์หน่วยรบพิเศษ แต่ช่วงเวลาในการใช้จ่ายเงินของพวกเขามีเพียงแค่ 24-48 ชั่วโมงเท่านั้น ด้านร้านอาหารอาจจะไม่กระทบมาก แต่ด้านที่พักโรงแรง ต่างๆ กระทบโดยตรง
และปัญหานี้สามารถส่งผลต่อการท่องเที่ยวต่างจังหวัด และเมืองรองได้เช่นกัน นักท่องเที่ยวจะแห่มาเที่ยวเพียงแค่ ‘กรุงเทพมหานคร’ เงินสะพัดจะอยู่เพียงแค่เมืองหลวง หากปล่อยไปนานๆ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเมืองรอง ที่พึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนจะประสบปัญหาอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแฟนตัวยงของการเดินทาง สไตล์หน่วยรบพิเศษ คนหนุ่มสาวบางคนก็ยังมีแนวคิดที่ว่าการท่องเที่ยวคือการพักผ่อน ถ้าหากต้องมาท่องเที่ยวแบบใช้พลังงานหนักตลอดทั้งวันสู้เก็บเงินแล้วมาเที่ยวอย่างสบายทีเดียวดีกว่า
“คุณคิดว่ามันตลกไหม” ผู้ใช้งาน Weibo คนหนึ่งถามขึ้นมา “ถ้าคุณให้เงินเดือนแก่คนหนุ่มสาวมากขึ้น มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ใครจะอยากไปเที่ยวแบบนี้บ้าง มีใครบ้างที่ไม่อยากพักผ่อนแบบสบายๆ” ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศจีนตอนนี้อาจจะส่งผลถึงประเทศไทยมากกว่าที่เราคิดก็ได้
ท้ายที่สุดนี้ นิยามและค่านิยมของการท่องเที่ยว อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแล้ว ส่วนหนึ่งมันก็เกิดขึ้นมาจากปัญหาเศรษฐกิจ และสังคม เราเชื่อว่าคงไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากท่องเที่ยวโดยเปรียบตัวเองเป็นดั่งหน่วยรบพิเศษหรอก
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
Sources:
https://www.nbcnews.com/news/world/china-youth-unemployment-full-time-children-rcna91813