ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson) นักธุรกิจรายได้สิบหลัก และเจ้าของสายการบินระดับโลกอย่างเวอร์จิน (Virgin) เคยกล่าวไว้ว่า “หากมีใครเสนอโอกาสที่น่าอัศจรรย์ให้กับคุณ แต่คุณไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ ให้ตอบตกลงทันที แล้วค่อยเรียนรู้จะทำมันอย่างไรภายหลังอีกที”
เช่นเดียวกับน้องๆ นิสิต นักศึกษาที่แม้บางคนอาจจะยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่า อยากทำอะไร วาง Career Path การเติบโตไว้แบบไหน หรือในอีก 5 ปี ข้างหน้าหลังเรียนจบ เห็นอนาคตตัวเองเป็นอย่างไร? แต่น้องๆ ก็ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการ ‘𝐒𝐂𝐆 𝐘𝐨𝐮𝐧𝐠 𝐓𝐚𝐥𝐞𝐧𝐭 𝐏𝐫𝐨𝐠𝐫𝐚𝐦 𝟐𝟎𝟐𝟒’ ที่จัดขึ้นโดย ทีมงาน Digital Office ของ SCG โครงการเฟ้นหานวัตกรรุ่นใหม่ที่เปิดโอกาสให้เด็กเจนใหม่ ไฟแรง ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ เเละร่วมทำงานกับทาง SCG และกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ใน SCG
พี่โต-จิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ Chief SCG Digital Officer จาก SCG เล่าว่า
“โครงการ SCG Young Talent 2024 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งเป็นโอกาสของคนที่มีไอเดียหรือสนใจสร้างสรรค์นวัตกรรม เเละอยากร่วมสร้างการเปลี่ยนเเปลง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไป ตามเเนวทางของ SCG ที่ก้าวสู่ “องค์กรเเห่งโอกาส” (Organization of possibilities)
โดยเฟ้นหาเเละส่งเสริมให้น้อง Talent เจนใหม่ๆ ได้มีพื้นที่ปล่อยเเสง เปลี่ยนไอเดียให้เป็นจริง เพื่อต่อยอดเป็นนวัตกรรมที่ตอบความต้องการที่หลากหลาย เเละมีโอกาสพัฒนาเป็นธุรกิจได้”
หลังจากที่น้องๆ ผ่านการเข้าร่วม ‘Bootcamp’ ‘SCG Campus Touring’ และเข้าสู่ ‘Hell Day’ เพื่อนำเสนอโปรเจกต์ที่ร่วมกันปลุกปั้นมาตลอด 24 ชั่วโมง ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เเละประสบการณ์การทำงานเต็มรูปเเบบแล้ว วันนี้ Future Trends จะพาไปสำรวจความคิดเห็น ความประทับใจ และประสบการณ์ของน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการกัน
เรียนอะไรมา จบอะไรมาไม่สำคัญ ขอแค่ ‘กล้า’ ที่จะ ‘ลงมือทำ’
ปั้นหยา-อรุชา เฉลิมสุขสันต์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ภาคอินเตอร์ (BJM) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในสมาชิกของทีม ‘bring it (อิฐ), bring the future’ เล่าให้เราฟังว่า ถึงตนจะไม่ได้เรียนสายนวัตกรรมหรือมีความสนใจด้านเทคโนโลยีเป็นพิเศษมาก่อน แต่การเข้าร่วมโครงการ ‘𝐒𝐂𝐆 𝐘𝐨𝐮𝐧𝐠 𝐓𝐚𝐥𝐞𝐧𝐭 𝐏𝐫𝐨𝐠𝐫𝐚𝐦 𝟐𝟎𝟐𝟒’ ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
“หนูมองว่าการคิดนวัตกรรมเป็นเรื่องของ Mindset ส่วน Skill เราสามารถสร้างขึ้นมาได้ ถ้า Mindset เราตรงกัน และสื่อสารกับเพื่อนแล้ว ไม่ว่าคุณจะจบอะไรมา เรียนอะไรมา ขอแค่มี Mindset ที่อยากสร้างนวัตกรรม การเข้าร่วมโครงการนี้ก็ไม่ยากเกินเอื้อม มันมีความท้าทายที่เราไม่เข้าใจภาษาเทคหรือการออกแบบ แต่ถ้าเรามีความพยายาม เราก็ไปกับเพื่อนได้อยู่แล้ว”
“มันเป็นความรู้ที่แปลกใหม่มากสำหรับหนู โครงการนี้ช่วยเปิดโลกในการทำธุรกิจมากขึ้น จริงๆ การเรียนวารสารฯ ไม่จำเป็นต้องทำสื่อหรือข่าวเสมอไป ถ้าเราเข้าใจตลาด และโลก การที่เราเป็นสื่อช่วยนำเสนอ น่าจะทำให้เข้าใจกันมากขึ้น นอกจากนี้การมาที่นี่ก็ทำให้ได้สังคมและคอนเนคชั่น เรารู้จัก SCG มากกว่าเดิม ได้รู้ว่า ตอนนี้ SCG เป็นบริษัทที่ยั่งยืน และตามทันโลกได้มาก และเราก็เจอเพื่อนที่มีความคิด ความสนใจคล้ายกัน ในอนาคตเราอาจจะชวนกันไปแข่ง Hackathon อื่น หรือพอเรียนจบก็อาจจะมาเจอเพื่อนอีกทีที่ SCG ก็ได้”
จากวันนั้นถึงวันนี้ ส่องความแตกต่าง ‘Young Talent Program’
นี่ไม่ใช่การเข้าร่วมโครงการครั้งแรกของ โอเว่น-ระพีพรรฒ พรหมลัทธิ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 จากคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการข้อมูล มหาวิทยาลัยศิลปากร หนึ่งในสมาชิกของทีม ‘We Run’ เพราะในปีที่แล้ว ตนก็เคยเข้าร่วมด้วยเช่นกัน
โอเว่นได้เปิดเผยกับเราว่า ในปีที่แล้วตนพลาดในช่วง Hell Day เลยไม่ได้ฝึกงานในช่วง Hell Week ปีนี้จึงตั้งใจกลับมาอีกครั้ง เพื่อฝึกงานใน Hell Week นอกจากนี้โอเว่นยังได้เทียบถึงความแตกต่างให้เราฟังว่า “ถ้าให้เทียบกัน ในปีที่แล้วว่า ธีมการแข่งขันจะเป็นการปีนขึ้นสู่ยอดเขา Everest แต่ในปีนี้เป็นธีมมาราธอน และจัดในสเกลระดับ SCG ที่มีหลากหลายธุรกิจที่ร่วมให้โจทย์ รู้สึกว่าโจทย์ของ Hackathon เข้มข้นมากขึ้น”
ได้ทั้งเพื่อนใหม่ ได้ทั้ง Skill ใหม่
ไบร์ท-พิชชาภัทร์ แซ่หลี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หนึ่งในสมาชิกของทีม ‘12health’ เล่าว่า ตนเป็นคนชื่นชอบการแข่งขัน Startup, Hackathon และ Datathon เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ ‘𝐒𝐂𝐆 𝐘𝐨𝐮𝐧𝐠 𝐓𝐚𝐥𝐞𝐧𝐭 𝐏𝐫𝐨𝐠𝐫𝐚𝐦 𝟐𝟎𝟐𝟒’ เป็นการทำงานร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งต้องทำงานร่วมกับเพื่อนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เหมือนเราได้มาเรียนรู้ทั้งเพื่อน และโจทย์ในเวลาเดียวกัน
“ปกติแล้ว การแข่ง Startup มักจะเป็นการจับกลุ่มกันเอง โดยเราต้องเป็นคนรวมเพื่อนที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ แต่โครงการนี้ได้มีการจับกลุ่มให้แล้ว หน้าที่ของเราก็แค่มาจูน Mindset กับเพื่อนอีกที”
ใบหม่อน-พัชราภรณ์ สายบุปผา นักศึกษาชั้นปีที่ 1 จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อีกหนึ่งสมาชิกของทีม ‘12health’ เสริมว่า ตนเคยติดตามโครงการมาก่อน โดยในแต่ละปีก็จะมีการแข่งขันเป็นทีม มีจุด Checkpoint ที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะต้องทำอย่างไรให้ผ่านสู่ Checkpoint ต่อไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็จะมีพี่ๆ คอยสังเกตว่าเรามีความพยายาม มุ่งมั่นที่จะอยากผ่านไปไหม และติดตรงไหนรึเปล่า?
“อย่างก่อนที่จะเข้ามา Hell Day ในวันนี้ได้ มันก็มีหลายรอบก่อนเข้ามา ก็คิดว่า ถ้าผ่านจากตรงนี้ไปได้ แล้วได้เข้า Hell Week ก็น่าจะได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะ ไม่เหมือนกับที่อื่น”
ไม่ใช่แค่ร่วมโครงการ แต่ได้ Passion และแบบอย่างที่ดีกลับไปด้วย
ครีม-ภาณุชญา สมิธานนท์ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน หนึ่งในสมาชิกของทีม ‘rungather’ บอกเล่าถึงนวัตกรรมที่น่าสนใจ และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดใช้ได้จริงจากการเข้าร่วมกิจกรรม ‘SCG Campus Touring’ ว่า ตนได้มีโอกาสเดินทางไปดูนวัตกรรมหนึ่งที่ห้องแล็บ NLP (Natural Language Processing) ซึ่งมีความสามารถในการสรุป พากย์คลิปเสียง และตอบคำถามต่างๆ ด้วยเหตุนี้ ตนจึงสนใจเป็นอย่างมาก และอยากนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียน
อีกทั้งก็ยังบอกเล่าถึงความประทับใจจากการเข้าร่วม Hell Day ว่า “พี่ๆ ทีมงานน่ารัก เป็นกันเอง ค่อนข้างจะใส่ใจเด็ก คอยมีกิจกรรมมาเล่นกับเด็กตลอด ทำให้มันไม่เหงาแล้วก็ไม่เครียดมากจนเกินไปเหมือน Hackathon อื่นๆ ด้วย”
เช่นเดียวกับบรรดาของสมาชิกทีม ‘We Run’ ที่เห็นตรงกันว่า พี่ๆ ใน SCG นั้นมีความแอคทีฟ และมีแพชชันในการทำงานเป็นอย่างมาก เวลาที่น้องๆ เห็นจะรู้สึกคล้อยตาม และอยากมีแรงจูงใจแบบพี่ๆ บ้าง
ก้าวออกจาก Safe Zone ปลดล็อกศักยภาพใหม่ๆ ในตัวเอง
อิง-สิราวรรณ เหลืองสอาด นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในสมาชิกของทีม ‘ArmFlag EcoCare’ บอกกับเราว่า หลังจากเข้าร่วมโครงการ ‘𝐒𝐂𝐆 𝐘𝐨𝐮𝐧𝐠 𝐓𝐚𝐥𝐞𝐧𝐭 𝐏𝐫𝐨𝐠𝐫𝐚𝐦 𝟐𝟎𝟐𝟒’ มาจนถึงตอนนี้ ได้ปลดล็อกศักยภาพของตัวเองที่ไม่เคยทำมาก่อน ได้ก้าวออกจาก Safe Zone ของตัวเองหลายเรื่องเลยทีเดียว
“งานนี้เป็นงานแรกที่ต้องมา Pitch เสนอ เป็นโครงการแรกที่หนูเข้าร่วมเลย แล้วก็รู้สึกว่าได้ก้าวออกจาก Safe Zone ของตัวเองในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการพรีเซนต์ การนำเสนอไอเดีย เพราะตัวเองก็เรียนสายเศรษฐศาสตร์ ก็เป็นสาย Business มากกว่า แต่อันนี้มันต้องมีเรื่องของ Innovation และ Technology เข้ามาเกี่ยวด้วย”
นอกจากนี้ พี่โตก็ยังเล่าถึง Chekpoint ต่อไปอีกด้วยว่า หลังจากที่จบ Hell Day ในวันนี้แล้ว จะมีการคัดเลือกน้องๆ จำนวน 80 คน ให้เหลือ 50 คน เพื่อมาทำโจทย์จริงร่วมกับพี่ๆ ทีมงาน Digital Office และทุกธุรกิจ ของ SCG เป็นเวลา 13 สัปดาห์ด้วยกัน โดยคาดหวังว่า สุดท้ายปลายทางแล้ว นวัตกรรมใหม่ๆ จากน้องๆ ทุกคนจะกลายมาเป็นธุรกิจใหม่ที่มาทำงานร่วมกับ SCG
พี่โตได้ทิ้งท้ายเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า “เรามองว่า ‘𝐒𝐂𝐆 𝐘𝐨𝐮𝐧𝐠 𝐓𝐚𝐥𝐞𝐧𝐭 𝐏𝐫𝐨𝐠𝐫𝐚𝐦 𝟐𝟎𝟐𝟒’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ SCG เปิดพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมกับน้องๆ รุ่นใหม่ ผลประโยชน์ก็จะตกกับน้องๆ รุ่นใหม่ด้วย SCG เฟ้นหาน้องๆ Talent มาร่วมทำงานในขณะเดียวกัน ประเทศไทยเองก็ได้อีกหนึ่งแรงมาช่วยให้น้องๆ รุ่นใหม่เข้าใจในวิธีการทำงาน การสร้างธุรกิจใหม่ๆ จาก Journey ที่เราสอนเขาใน 4-5 Steps ใน 𝐘𝐨𝐮𝐧𝐠 𝐓𝐚𝐥𝐞𝐧𝐭 𝐏𝐫𝐨𝐠𝐫𝐚𝐦”