‘Power of Work Friends’ เมื่อมิตรภาพในที่ทำงาน มีพลังมากกว่าที่คิด

Share

ทำงาน ทำงาน ทำงาน รู้หรือไม่ ผลสำรวจจาก Gallup เผยว่ามนุษย์เงินเดือนใช้เวลาชีวิตในที่ทำงานเฉลี่ยแล้วคนละ 81,396 ชั่วโมง หรือเทียบเท่ากับเวลากว่า 9 ปี! 

การใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน อาจเป็นโอกาสให้เราได้พบเจอมิตรภาพดีๆ ก็เป็นได้ เช่นเดียวกับผลสำรวจจาก American Survey Center ที่เผยว่าชาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะพบมิตรภาพที่ดีจากที่ทำงานมากกว่าที่โรงเรียน ศาสนสถาน ละแวกบ้าน หรือการรู้จักผ่านเพื่อนของตนเอง

แน่นอนว่าการมีมิตรภาพที่ดีในองค์กรนั้นไม่เพียงส่งผลดีให้กับพนักงานเพียงอย่างเดียว แต่กลับส่งผลดีให้กับองค์กรด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลจาก Gullup ได้อธิบายไว้ว่า ระหว่างการเกิดโรคระบาด Covid-19 การมีเพื่อนในที่ทำงานนั้นส่งผลดีต่อองค์กรในหลายๆ ประการ

เช่น พนักงานใช้เวลาน้อยลงแต่ได้ปริมาณงานมากขึ้น มีไอเดียใหม่ๆ และสร้างสรรค์มานำเสนอ  นอกจากนี้ มิตรภาพที่แน่นแฟ้นยังช่วยดึงดูดให้พนักงานเกิดความร่วมมือร่วมใจ อยากร่วมงานกับองค์กรต่อ ส่งผลให้อัตราการลาออกลดลง ทั้งยังสามารถชักชวนคนเก่งๆ มาเข้าองค์กรได้

แม้จะมีวลี “People are our greatest asset.” ซึ่งถอดความได้ว่า ‘คนทำงานคือสินทรัพท์ที่มีคุณค่ามากที่สุด’ แต่ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่กลับต้องการให้เหล่าพนักงานทิ้งชีวิตส่วนตัวไว้ที่หน้าประตูออฟฟิศ เพราะกลัวว่าประสิทธิภาพของพนักงานจะลดลงหากมีเพื่อนในที่ทำงาน

แต่ในความเป็นจริง การมีเพื่อนในที่ทำงานนั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก ยืนยันโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียและมหาวิทยาลัยมินนิโซตา (University of Pennsylvania and University of Minnesota) ซึ่งกล่าวว่า

“การมีเพื่อนในที่ทำงานจะทำให้การทำงานราบรื่น เพราะพนักงานจะมีความมั่นใจในการสื่อสาร กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นมากยิ่งขึ้น และส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นไปอีกขั้น”

ยิ่งไปกว่านั้น มิตรภาพที่แน่นแฟ้นยังช่วยให้พนักงานมีกำลังและแรงใจที่จะผลิตชิ้นงานที่มีคุณภาพในแต่ละวัน เพราะพวกเขาเชื่อว่า อย่างน้อยวันนี้ก็ยังมี ‘เพื่อน’ ที่พร้อมสนับสนุนและห่วงใยตนอยู่เสมอ

[ องค์กรจะสามารถส่งเสริมการสร้างมิตรภาพของพนักงานได้อย่างไรบ้าง ]

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์กรเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมใจเหล่าพนักงานเข้าไว้ด้วยกัน วันนี้ Future Trends จึงขอยกตัวอย่างแนวทางในการสร้างเสริมความสัมพันธ์ของพนักงานจาก Harvard Business Review ไว้ในบทความนี้

1. สร้างระบบบัดดี้

บัดดี้ในที่นี้ไม่ได้มอบของขวัญเป็นสิ่งของให้กัน แต่เป็นการมอบของขวัญเป็นความรู้ ความช่วยเหลือระหว่างการทำงานให้แทน ระบบนี้สามารถสร้างได้ด้วยการจับคู่พนักงานที่มีประสบการณ์เข้ากับพนักงานใหม่ โดยการจับคู่นี้จะช่วยเร่งความสามารถในการเรียนรู้งาน อีกทั้งยังช่วยให้งานมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว

2. เพิ่มเวลาในการเจอกัน

ในปัจจุบัน รูปแบบการทำงานได้เปลี่ยนไปจากเดิม มีการ WFH เพิ่มขึ้น ทำให้การเจอหน้ากันลดน้อยลง และการสร้างมิตรภาพนั้นจำเป็นจะต้องมีการพูดคุย การพบปะผู้คน แม้จะมีการใช้ Zoom หรือ Facetime ก็ไม่สามารถทดแทนกันได้ ดังนั้นองค์กรจึงควรมองหากิจกรรมที่สามารถนำพนักงานมาพบปะกันได้ เช่น การจัดการอบรม การจัดประชุมแบบเจอหน้ากัน เป็นต้น

3. ลองทำ Jam Session

Jam Session เป็นการแสดงดนตรีร่วมกันโดยไม่ได้ฝึกซ้อมมาก่อน ซึ่งในบริบทของการทำงานนั้นสามารถตีความได้ว่า Jam Session เป็นกิจกรรมที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้ เป็นการประชุมอย่างอิสระและไม่เป็นทางการ พนักงานจึงสามารถแสดงความคิดเห็น หรือความรู้สึกต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยลดความกระอักกระอ่วนระหว่างกันได้

4. อย่าบังคับ

ถึงแม้องค์กรจะเป็นผู้สร้างวัฒนธรรมหรือกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้ แต่องค์กรนั้น ‘ไม่สามารถ’ ทำให้ใครเป็นเพื่อนกันได้ ดังนั้น อย่าบังคับให้พนักงานร่วมกิจกรรมโดยปราศจากความสมัครใจ เพราะนอกจากจะไม่สามารถสร้างมิตรภาพได้แล้ว ยังอาจทำให้พนักงานเกลียดการเข้าร่วมกิจกรรมตลอดไปก็เป็นได้

การสนับสนุนให้พนักงานสร้างมิตรภาพในองค์กรนั้นเป็นเรื่องที่ดี และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้จริง อย่างไรก็ตาม องค์กรที่ยังยึดมั่นในการพยายามให้พนักงานแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงาน อาจจะต้องลองปรับแนวทางดูใหม่ เพราะคำว่า “เพื่อน” มีพลังมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก

เขียนโดย : ชนัญชิดา พลอยพลาย

Source: https://hbr.org/2022/10/the-power-of-work-friends