ในแต่ละวัน เราต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมาย ตั้งแต่ตื่นนอนจนหัวลงหมอนอีกครั้ง ทำให้ต้องคอยครุ่นคิด ตัดสินใจสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการตื่นไปทำงาน กิน เที่ยว หรือแม้กระทั่งการเลือกซื้อปัจจัยที่ 5 อย่าง ‘รถ’
ลึกๆ แล้ว ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัว เพราะฉะนั้น เวลาจะคิด จะตัดสินใจเรื่องไหนจึงต้องมั่นใจว่า จะไม่เกิดความรู้สึกเสียดายทีหลัง หรือเกิดความคิดที่ว่า ‘ถ้าวันนั้นเราเลือก… ชีวิตคงจะดีกว่านี้’
ในวันที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้น ทุกวันนี้ ชื่อแบรนด์เลยอาจไม่ใช่ตัวแปรหลักในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าบางคนเหมือนกับในอดีตอีกต่อไป แต่ความคุ้มค่า คุ้มราคา กลับกลายเป็นสิ่งที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วเราจะตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิตยังไงไม่ให้ผิดพลาด ในบทความนี้ Future Trends จะหยิบยกตัวอย่างการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ ในวันที่สถานการณ์โควิด-19 บอกให้รู้ว่า การมีพื้นที่ส่วนตัวขณะเดินทางเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้การเดินทางปลอดภัยมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันวิกฤตโรคระบาดก็ได้เพิ่มข้อจำกัดในเรื่องกำลังซื้อ ‘ความคุ้มค่า’ ของรถคันใหม่ได้กลายเป็นปัจจัยหลักๆ ในการตัดสินใจเลือกซื้อรถ
ในวันที่ ‘ความคุ้มค่า’ ต้องมาก่อน แบรนด์ MG วางกลยุทธ์อย่างไร
ปัจจุบันตลาดรถยนต์เมืองไทยแข่งขันกันค่อนข้างดุเดือดชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร เจ้าของแบรนด์ต่างขุดแคมเปญ งัดเทคโนโลยีสดใหม่มาช่วยดึงดูดความสนใจผู้บริโภค ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้ ก็คือลูกค้าในการมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น
ค่ายรถยนต์ที่เปิดตัวรถรุ่นใหม่ในช่วงเวลานี้ ต้องปรับวางกลยุทธ์ให้รัดกุมเลยทีเดียว ขอยกตัวอย่างแบรนด์ MG เพื่อให้เห็นภาพ ที่ล่าสุดได้แนะนำ NEW MG5 MY 2022 ที่อัปเกรดสเปกในทุกรุ่นย่อย และมีการเพิ่มรุ่น D+ เข้ามาเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เจาะลึกไปถึงกลุ่มวัยเริ่มทำงานด้วยความคุ้มค่า เสนอราคาที่จับต้องง่าย แต่ได้ทั้งเทคโนโลยี (Technology), ความทันสมัย (Fashion) และความคุ้มค่า (Value)
สิ่งที่ทำให้ Future Trends เลือกที่จะหยิบยกตัวอย่างแบรนด์ MG ก็เพราะท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ผู้บริโภคส่วนใหญ่ปรับตัวเข้าสู่ ECO โหมด ลดละการใช้จ่าย แต่ผลการดำเนินงานล่าสุดในไตรมาสแรกของปี 2565 มียอดขายรวม 8,394 คัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 24 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของรุ่น NEW MG5 ในวันที่ ‘ความคุ้มค่า’ ต้องมาก่อน แบรนด์ MG จึงกลายเป็นตัวเลือกของใครหลายคน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) หนึ่งในมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนระดับโลก ได้อธิบายเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่เขาใช้ในการตัดสินใจของเขา โดยมีการพูดถึง ‘กลยุทธ์ข่าวหน้าหนึ่ง’ (The Newspaper Test) ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะตรงตัว และใช้ได้จริงเมื่อรู้สึกไม่มั่นใจ โดยให้ลองถามตัวเองว่า ถ้าตัดสินใจทำแล้วสิ่งนี้จะกลายเป็น ‘ข่าวหน้าหนึ่ง’ บนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเช้าวันรุ่งขึ้น เราจะยังคงตัดสินใจแบบนี้อยู่ไหม?
การตัดสินใจซื้อรถ NEW MG5 MY 2022 รุ่น D+ ด้วยความชื่นชอบดีไซน์ เทคโนโลยี และราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับออปชันที่ได้ ก็อาจเป็นหนึ่งในข่าวดีที่น่าพาดหัวในเช้าวันรุ่งขึ้นก็เป็นได้
การได้มาซึ่ง ‘สิ่งที่ถูกต้อง และใช่’ สำหรับคุณ
อีกหนึ่งกลยุทธ์การตัดสินใจที่บัฟเฟตต์อธิบายไว้คือ สิ่งชี้วัดภายใน (The Inner Scorecard) เขาใช้ชีวิต และตัดสินใจตามสิ่งชี้วัดภายใน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่เขาคิดว่าใช่ แต่ต้องเป็นสิ่งที่เขาคิดว่า ‘ใช่สำหรับเขา’ ดังนั้น เราควรโฟกัสไปที่ค่านิยมการใช้ชีวิตของตัวเองเป็นหลัก โดยถ้าสิ่งนี้ตรง และไม่ขัดกับบรรทัดฐานสังคมรอบตัวนัก ก็ให้ตัดสินใจเลือกไปเลย เพราะนั่นจะทำให้คุณได้มาซึ่ง ‘สิ่งที่ถูกต้อง และใช่’ อย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับการตัดสินใจเลือกซื้อรถ หากคุณมองว่า NEW MG5 MY 2022 ตอบโจทย์ในเรื่องของเทคโนโลยี ดีไซน์ และความคุ้มค่า คุ้มราคาเมื่อเทียบในกลุ่มรถเก๋งไซซ์เล็กด้วยกัน ประกอบกับสมรรถนะที่เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่าง ‘กุญแจดิจิทัล’ สามารถสั่งการผ่านมือถือ ส่งต่อกุญแจให้ผู้อื่นผ่านแอปพลิเคชัน i-SMART และการเพิ่มทางเลือกที่คุ้มค่าอย่างรุ่น D+ ก็ยิ่งตอกย้ำว่า สิ่งชี้วัดภายในตัวคุณกำลังบอกว่า NEW MG5 MY 2022 เป็นรถเก๋งที่ใช่สำหรับคุณแล้วจริงๆ
ที่สุดของความคุ้มค่าด้วยดีไซน์ และออปชัน เจาะลึก NEW MG5 MY 2022 รุ่น D+ คุ้มค่าแค่ไหน?
จากที่เล่าไปก่อนหน้าว่า มีการเพิ่มรุ่น D+ เข้ามาเป็นไฮไลต์ สังเกตจากชื่อรุ่นที่มีการเติมเครื่องหมาย + เข้ามา ก็น่าจะพอคาดเดาได้ว่า รุ่นรถดังกล่าวได้เพิ่มเติมความคุ้มค่า และออปชันที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารมากกว่ารุ่น D
ไม่ว่าจะเป็นหลังคาซันรูฟ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งตำแหน่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ไฟส่องสว่างที่นั่งแถวหลัง ที่เก็บแว่นตา ระบบ Cruise Control และกล้องรอบคันแบบ 3 มิติสำหรับการขับขี่ในเมือง ซึ่งพอเทียบกับราคา 679,000 บาท ก็นับว่าคุ้มค่าสมราคา
ถึงแม้เปรียบเทียบแล้ว รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่รองลงมาจากรุ่นท็อปอย่างรุ่น X แต่หากดูที่ราคา และออปชันแล้ว ถือว่าสูสีกัน เนื่องจาก ออปชันต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่พอโฟกัสที่ราคา รุ่น D+ กลับถูกกว่าถึงหลักหมื่นทีเดียว
ในวันที่แบรนด์อาจไม่ใช่ตัวแปรหลัก แต่เป็น ‘ความคุ้มค่า’MG จึงกลายเป็นทางเลือกที่ใช่
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา MG ยังคงมุ่งมั่นพัฒนารถ และเทคโนโลยีใหม่ออกสู่ตลาดอย่างไม่หยุดยั้ง ให้รถเป็นได้มากกว่าที่เคย ด้วยออปชันล้ำสมัยในราคาที่คนรุ่นใหม่จับต้องได้ และเป็นเจ้าของได้ไม่ยากในวันที่ชื่อแบรนด์อาจไม่ใช่ตัวแปรหลักในการตัดสินใจซื้ออีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นความคุ้มค่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่ และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแบรนด์ MG ถึงกลายเป็น ‘Top of mind’ ของผู้ขับขี่ในยุคปัจจุบัน
การมาของ NEW MG5 MY 2022 ก็ดูจะเป็นกลยุทธ์ที่ค่อนข้างถูกที่ ถูกเวลา และอาจจะช่วยให้การตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ในเวลานี้ทำได้ง่ายขึ้นด้วย
Sources: https://cnb.cx/3B2ImoF