อาการคัน จนต้องเกาใบหน้าหรือแขน ในขณะที่กำลังทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ อาจจะเป็นสัญญาณที่แสดงออกให้เห็นว่า “คุณกำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่”
ข้อสังเกตนี้มาจากงานวิจัยของคุณ โทมัส ฟีลีย์ (Thomas Feeley) อาจารย์มหาวิทยาลัยสเตตแห่งนิวยอร์ก (The State University of New York) ที่เขาได้ทดลองวางกระดาษข้อสอบให้สามารถมองเห็นได้ง่ายขึ้น ผลปรากฏว่า นักศึกษาที่ทำการมองข้อสอบของเพื่อน มีอัตราการเกาใบหน้าหรือแขนมากกว่า ผู้ที่ไม่ได้ทำความผิดถึง 2 เท่า
กรณีอื่นของการเกา เช่น บทสนทนาระหว่างคุณกับแม่ค้าที่กำลังต่อรองราคากันอยู่ “ลดราคากว่านี้ก็เข้าเนื้อแล้ว พร้อมทั้งเกาใบหน้าเกาแขนตลอดเวลา” คุณจะสามารถคิดได้ว่าเขากำลังโกหกคุณอยู่
แต่ว่าการเกานั้นมีข้อเท็จจริงที่ระบุไว้เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิของร่างกาย
“อุณหภูมิทางร่างกายจะสูงขึ้นเมื่อคุณกำลังพูดโกหก ประหม่า ไม่มั่นใจในตัวเอง ด้วยเหตุผลเหล่านี้ส่งผลให้คุณเกาใบหน้าหรือเกาแขนของตัวเองบ่อยๆ เพราะความร้อนที่มากยิ่งขึ้นส่งผลให้คุณคันตามร่างกายนั้นเอง”
นั่นหมายความว่า การเกาใบหน้าหรือแขน ไม่ใช่สัญลักษณ์ของการโกหก แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความประหม่าต่างหาก เพียงแต่ว่าสาเหตุของการประหม่านั้น เกิดขึ้นมาจากการโกหก การไม่มั่นใจ หรือการพูดในที่สาธารณะ เป็นต้น
คนที่พูดโกหกจนเป็นกิจวัตรประจำวันจะไม่มีอาการประหม่าแล้ว ทำให้การสังเกตการกระทำอย่างการเกาไม่สามารถใช้ได้ผลกับคนประเภทนี้ได้ แต่ในความเป็นจริงใครจะโกหกจนเป็นนิสัยกันล่ะ?
ท้ายที่สุดนี้ถึงแม้จะมีผลการวิจัย หรือ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเพิ่มของอุณหภูมิ ที่ส่งผลต่อการสร้างอาการคันให้ผู้คน นั่นก็ไม่สามารถตัดสินใครคนใดคนหนึ่งได้ว่าเขานั้นกำลังโกหก เขาอาจจะเพียงแค่ประหม่าเท่านั้น
แต่ถ้าอยากโกหกให้เนียนโดยที่คุณไม่ใช่คนที่โกหกเก่ง อาจจะต้องทนให้ได้ต่ออาการคันที่เกิดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ไม่อย่างนั้นจะโป๊ะเอานะว่าคุรกำลังโกหก!
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
ดัดแปลงจากหนังสือ ‘อ่านใจคนได้ในเสี้ยววินาที’ โดยสำนักพิมพ์ AMARIN HOWTO