‘Life at RentSpree’ ส่อง 4 วัฒนธรรมองค์กร ที่ทำให้ RentSpree เป็นองค์กรสายเทคที่น่าจับตามอง

Share

ช่วงเวลาหลังยุค COVID-19 ทำให้เกิดคำถามขึ้นต่อรูปแบบการทำงาน และความหมายของคำว่าออฟฟิศกันมากขึ้น ขณะที่คนส่วนใหญ่ หลังจากต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในยุคโรคระบาดมาหลายปี พวกเขาเริ่มให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจของตัวเองมากขึ้น การทำงานแบบ Remote Working หรือแม้กระทั่งการ Work from Anywhere กลายเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญต่อการตัดสินใจของคนรุ่นใหม่ในการมองหางาน พวกเขาไม่ยึดติดกับออฟฟิศ แต่ต้องการอิสระเพื่อที่จะได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มศักยภาพ

ขณะเดียวกันก็มีหลายองค์กรขยับปรับตัว เพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตการทำงานของคนรุ่นใหม่ หนึ่งในนั้นคือสตาร์ทอัพ (Startup) ที่มีวัฒนธรรมองค์กร (Culture) การทำงานที่น่าจับตาอย่าง RentSpree แพลตฟอร์ม (Platform) การเช่าบ้านแบบครบวงจรที่ไปโตในตลาดสหรัฐอเมริกา 

พวกเขามีออฟฟิศด้วยกัน 2 แห่ง คือที่กรุงเทพฯ กับลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา แต่แน่นอนว่าพนักงานส่วนใหญ่ ทำงานแบบ Remote Working จากทั่วทุกมุมโลก พวกเขาเสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพราะสามารถสื่อสารกันได้ตลอด รวมถึงมีการให้และรับฟีดแบ็กอย่างเป็นระบบ ทำให้พนักงานทุกคนทำงานได้อย่างอิสระและมีความสุข 

“วัฒนธรรมองค์กร ทำให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มที่ในทุกวัน” คำนี้ คือเบื้องหลังความสำเร็จของสตาร์ทอัพ ที่มีผู้ใช้งานกว่าล้านคน ทั่วทั้ง 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา

‘Life at RentSpree’ วัฒนธรรมองค์กรฉบับ RentSpree มีดีอะไร? เราขอพาไปสำรวจ 4 Working Cultures สำคัญของพวกเขากัน

Remote Working: ทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพราะเราเชื่อว่าการมีอิสระส่งผลให้พนักงานปลดปล่อยศักยภาพได้อย่างเต็มที่

ที่ RentSpree พวกเขาเชื่อว่า ไม่ว่าจะทำงานออฟไลน์หรือออนไลน์ ก็สามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่ง และทุกคนได้แสดงศักยภาพการทำงานอย่างเต็มที่ได้ องค์กรจึงให้ความยืดหยุ่นแก่พนักงานในการทำงานอย่างมาก ไม่ว่าจะเลือกทำงานในรูปแบบใด ขอให้งานบรรลุเป้าหมายก็พอ

อย่างที่เล่าให้ฟังไป พวกเขามีออฟฟิศ 2 แห่ง สำหรับคนที่อยากพบปะกัน นั่งทำงานด้วยกัน (ในกรุงเทพฯ และแอลเอ) แต่พนักงานส่วนใหญ่ยังคงทำงานแบบ Remote Working จากที่ไหนก็ได้ ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถจัดการตารางเวลาการทำงาน ไปพร้อมกับมีเวลาที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตได้ในเวลาเดียวกัน 

พวกเขาเชื่อว่า Remote Working คือหนึ่งในประสบการณ์ทำการรูปแบบใหม่ ที่เด็กจบใหม่มองหา เพื่อให้พวกเขามีอิสระและได้แสดงศักยภาพมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คนรุ่นใหม่ค้นพบตัวตนในการทำงาน และรู้สึกได้เติบโตในองค์กรของพวกเขาอย่างแท้จริง

เคล็ดลับหนึ่งในการสร้างทีมของ RentSpree แม้ว่าจะทำงานกันคนละที่ คือการนำ ‘Asynchronous Communication’ มาใช้ ซึ่งคือวิธีการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องโต้ตอบหรือพูดคุยในเวลาเดียวกัน โดยแต่ละฝ่ายต่างทำงานในโปรเจกต์นั้นไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วนำข้อมูลทุกอย่างที่ทำเตรียมไปรวบรวมไว้ เพื่อที่ใครจะต้องทำงานต่อสามารถเข้ามาดูทำให้เข้าใจตรงกันได้ ยกตัวอย่างเช่น Monthly Meeting ที่มีการบันทึกไว้เสมอ เพื่อให้คนที่ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมมาดูย้อนหลังได้ และแน่นอนว่าวิธีนี้ช่วยทำให้เรื่องไทม์โซนที่แตกต่างกันของคนทำงานไม่กลายเป็นปัญหาขององค์กร

Collaboration: ทีมเวิร์กและความเชื่อมั่นคือสิ่งสำคัญ

การทำงานร่วมกัน (Collaboration) คือ หนึ่งใน Core Values ขององค์กร พวกเขาพูดเสมอว่า ความสำเร็จไม่สามารถเกิดได้ด้วยคนๆ เดียว แต่ทั้งองค์กรต้องไปพร้อมกัน และหากความสำเร็จเกิดขึ้น ให้มองว่าเป็นเรื่องของ ‘ทีมเวิร์ก’ ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง

การคิดแบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่า ในโลกการทำงาน พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพากันในฐานะทีม -วัฒนธรรมองค์กรของ RentSpree จึงเต็มไปด้วยคนที่ Open-Minded เปิดกว้างทั้งด้านการทำงานและการใช้ชีวิต ทำให้ทำงานร่วมกับคนที่มีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติ และภาษาได้อย่างราบรื่น

สิ่งที่สำคัญในการสร้างทีมคือ พวกเขามองหาคนที่เคารพซึ่งกันและกัน พร้อมยอมรับความเห็นที่แตกต่าง แม้ในบางครั้งความเห็นของคุณอาจจะดีแล้ว แต่มันก็ไม่เสียหาย หากจะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเพื่อการตัดสินใจที่ดีกว่า

และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือพวกเขาต้องการคนที่ใส่ใจความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน ขณะเดียวกันก็พร้อมจะฟีดแบ็กงานของกันและกันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

Feedback Culture: ทุกข้อเสนอแนะและความเห็นของทุกคนมีค่า 

สิ่งที่ RentSpree กำลังสร้างให้เกิดขึ้นอีกหนึ่งอย่างคือ Feedback Culture ด้วยพวกเขาเชื่อว่าจะช่วยให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพที่สุด ทำให้มองเห็นว่า Next Step จะเกิดอะไรขึ้น และเป็นสิ่งการันตีว่าจะทำให้งานคืบหน้าไปในแต่ละวัน แน่นอนว่าฟีดแบ็กต่างๆ จะต้องไม่ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ทุกคนต้องฟีดแบ็กกันได้

การให้ฟีดแบ็กของที่นี่ มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบ 1:1 หรือผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ Bonusly และ Lattice แต่รูปแบบที่สำคัญที่สุดของ RentSpree คือการทำ ‘Performance Review 360 องศา’ มันคือการประเมินและฟีดแบ็กผลงานที่ครอบคลุมทุกด้าน เริ่มตั้งแต่การประเมินตัวเอง เพื่อนร่วมงาน และหัวหน้างาน ซึ่งตรงนี้แหละที่ทุกคนในฐานะพนักงาน จะได้รับฟีดแบ็กที่สามารถทำให้เรานำไปพัฒนาต่อได้

พวกเขาสนับสนุนวิธีการฟีดแบ็กแบบ Constructive Feedback หรือฟีดแบ็กที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับจริงๆ จึงมีการทำ Feedback Training ใน 2 ออฟฟิศทั้งที่กรุงเทพฯ และแอลเอ เพื่อให้พนักงานเข้าใจความสำคัญของการฟีดแบ็กและก่อให้เกิด Feedback Culture ที่ผลักดันการทำงานให้พัฒนาไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ

Fun & Innovation: การทำงานที่ทุกคนมีความสนุกและเต็มไปด้วยความสุข

ในเวลางาน พวกเขาทำงานหนัก แต่นอกจากชั่วโมงการทำงาน RentSpree มีหลากหลายกิจกรรมที่ชวนกันไปทำบ่อยๆ เพื่อสร้างความสนิทสนม และกระตุ้นให้พนักงานคิดนอกกรอบมากขึ้น 

งานที่ฟังแล้วบอกเลยว่าว้าว คือ ‘HackSpree’ งาน Hackathon ใหญ่ประจำปี ที่ให้พนักงานได้มาแข่งขันและแชร์ไอเดียกัน นอกจากบริษัทจะได้ Innovation ใหม่ๆ ในการต่อยอดโปรดักต์แล้ว ทางทีมที่ชนะการแข่งขันยังได้เงินรางวัลที่ทาง RentSpree แจกให้รวมมูลค่ากว่าแสนบาทอีกด้วย 

อีกอีเวนต์ที่ทุกคนตั้งตารอคอยคือ ‘OutingSpree’ กิจกรรมเอาต์ติ้งที่ขาดไม่ได้ เพราะทำให้ทุกคนได้พบปะกันแบบตัวเป็นๆ

ฟังแบบนี้แล้วคงจะเห็นภาพว่า ทำไม RentSpree ถึงเชื่อมั่นว่าการมีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง คือพื้นฐานความสำเร็จขององค์กร เพราะวัฒนธรรม=คน และหากผู้คนทำงานด้วยความสุข ความสบายใจ เต็มไปด้วยความเคารพกัน และใส่ใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็จะพร้อมเต็มที่กับงานด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดนี้คือหัวใจสำหรับวัฒนธรรมองค์กรของ RentSpree ที่ทำให้ ‘Life at RentSpree’ เต็มไปด้วยสีสัน พลัง แรงบันดาลใจ และทำให้คนรุ่นใหม่อยากเข้ามาร่วมงานด้วยมากที่สุดองค์กรหนึ่ง