ชื่อคล้ายกัน แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน ว่าด้วยความต่างระหว่าง ‘ผู้นำ’ กับ ‘หัวหน้า’

Share

“พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” หนึ่งในประโยคทรงพลังฮิตติดหูจากภาพยนตร์ตลอดกาลอย่างสไปเดอร์แมน (Spider Man)

เพราะการก้าวขึ้นไปสู่อีกระดับ แม้จะได้มาซึ่งสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหน้าที่ ความนับหน้าถือตา และฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น แต่นั่นแปลว่า ต้อง ‘แลก’ มากับความรับผิดชอบที่มากกว่าเดิม และความคาดหวังจากบริษัทที่เพิ่มขึ้นด้วย

สเกลที่แปรเปลี่ยน ไม่ใช่แค่การรับผิดชอบดูแลงานของตัวเองอีกต่อไป แต่ต้องกลายมาเป็นคนจัดการ ดูแลภาพรวมของงาน และชีวิตคนในทีม ทุกสิ่งที่กลายเป็นเรื่องใหม่หมด บททดสอบใหญ่ ความท้าทายในเส้นทางข้างหน้าอีกเพียบที่พร้อมให้เผชิญ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไรที่จะพาทีมก้าวข้ามผ่าน

คำว่า ‘ผู้นำ (Leader)’ หรือ ‘หัวหน้า (Boss)’ แม้ดูแล้วจะคล้ายกันในแง่ของนิยามการนำทีม แต่ความเป็นจริง กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แถมวิธีการและผลลัพธ์ที่ออกมานั้นไม่เหมือนกันด้วย

แล้วนำแบบไหนถึงจะเวิร์กทั้งกับทีมและตัวเอง? วันนี้ Future Trends จะพาทุกคนไปดูความแตกต่างของทั้ง 2 คำนี้กัน

[ ผู้นำจะ ‘สอน’ ว่ายน้ำ ส่วนหัวหน้าจะ ‘โยน’ ลงทะเล ]
ภายใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ มีเรื่องราวมากมายให้ท้าทายทุกตารางนิ้ว ผู้นำจะ ‘สอน’ ทีมให้ว่ายน้ำให้เป็น แนะแนวทางตามความเหมาะสม ก่อนที่ท้ายที่สุดจะพาลงสู่ทะเล ในทางกลับกัน หัวหน้าจะ ‘โยน’ ทีมลงทะเล เพิกเฉย ไม่ให้คำแนะนำ สนใจแค่ว่าต้องทำงานที่มอบหมายออกมาให้ได้ความคาดหวัง และคุ้มกับเงินเดือนที่รับไปเท่านั้น

[ ผู้นำจะ ‘ฟังมากกว่าพูด’ ส่วนหัวหน้าจะ ‘พูดมากกว่าฟัง’ ]
ผู้นำจะตั้งความคาดหวังเอาไว้ แต่ขณะเดียวกันก็รับฟังทีม มองด้วยความเข้าใจ หรือพูดง่ายๆ ว่า มีทักษะการเข้าใจคนอื่น (Empathy Skill) ที่เป็นสิ่งสำคัญของสังคมในปัจจุบัน พร้อมจะปรับเปลี่ยนแนวทาง ทำให้บรรยากาศการแสดงความคิดเห็น ออกไอเดียของคนในทีมเป็น ‘สถานที่ปลอดภัย’ ส่วนหัวหน้าจะพูดมากกว่าฟัง เน้นไปที่การบังคับบัญชา ควบคุมทีมเพียงอย่างเดียว

[ ผู้นำจะ ‘จุดไฟ’ ส่วนหัวหน้าจะ ‘จุดแรงดันอากาศ’ ]
ท่ามกลางคลื่นกองงานที่ถาโถม การเอาชนะให้ได้ตลอดรอดฝั่งเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน การมีคนพร้อมสนับสนุนจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ ผู้นำจะ ‘จุดไฟ’ หรือประกายความคิดริเริ่ม เพิ่มศักยภาพของทีมด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ คอยอยู่เคียงข้างทุกปัญหา ในทางตรงกันข้าม หัวหน้าจะ ‘จุดแรงดันอากาศ’ กระตุ้นทีมผ่านการกดดันต่างๆ นานา

[ ผู้นำอยู่ด้วย ‘ความเคารพ’ ส่วนหัวหน้าอยู่ด้วย ‘ความกลัว’ ]
แน่นอนว่า ในโลกของการทำงานแล้ว การก้าวขึ้นมาสู่จุดนี้ได้ หมายถึงการที่ ‘เราผ่านโลก อาบน้ำร้อนมาก่อน’ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ความคิดที่มีอยู่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ผู้นำจะเอาใจใส่กับทุกไอเดีย เสริมสร้างความมั่นใจ มอบความไว้วางใจให้ทีม ทำให้รู้สึกว่า ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องร้ายแรงที่สุด แต่การไม่ลงมือทำเป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่า ส่วนหัวหน้าจะอยู่ด้วย ‘อำนาจ’ ส่งผลให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความกลัว ซึ่งในแง่ของการทำงานแล้ว การอยู่ด้วยความเคารพเป็นเรื่องที่เวิร์กกว่า เนื่องจากจะทำให้งานเป็นไปอย่างราบรื่น โดยที่บางทีก็ไม่ต้องชี้นิ้วสั่งด้วยซ้ำ

[ ผู้นำจะ ‘เน้นพัฒนาทีม’ ส่วนหัวหน้าจะ ‘เน้นใช้ทีมทำงาน’ ]
หนึ่งในภารกิจสำคัญของการขึ้นไปสู่อีกระดับคือ ‘การทำให้ผลลัพธ์ของงานเติบโต’ ผู้นำจะยอมลงทุนกับเวลา พยายามดึงศักยภาพของทุกคนออกมาอย่างเต็มที่ ส่งเสริมให้ได้เรียนรู้ ลองผิด ลองถูก ‘ควบคู่’ ไปกับผลลัพธ์ของงาน แต่หัวหน้าวางตัวเองเอาไว้เหนือทีม มุ่งเป้าไปที่ผลลัพธ์สำเร็จเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้นำ และหัวหน้าจะขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าเหมือนกัน แต่วิธีการ และผลลัพธ์นั้นต่างกัน สุดท้ายแล้ว ทีมที่ดีไม่ได้หล่นมาจากฟากฟ้า และถ้าอยากมีทีมที่ดี ก็ต้อง ‘นำให้ดี’ ด้วยเช่นกัน…

Sources: https://bit.ly/3L8s93a

https://bit.ly/3vzrzVR

https://bit.ly/3uZPNtc

https://bit.ly/37ysBcB