‘คนถึกงาน’ ต้องต่อสู้กับงานที่ถาโถมดังเปลวไฟ ที่ดับเท่าไหร่ก็มีแต่ลุกลาม
‘คนถึกงาน’ ต้องรบกับลูกค้า ที่ฝ่าทุกกฎการบรีฟงานเหนือจินตนาการ
‘คนถึกงาน’ ต้องน้ำตานองทุกสิ้นเดือน เพราะเงินไม่เคยอยู่เป็นเพื่อนในวันสุดท้ายเลย
และอีกหลากหลายชีวิตมนุษย์ออฟฟิศ หรือมนุษย์เงินเดือนที่บ่นเท่าไหร่ก็ไม่มีวันจบ เราจึงขอหาคนมาบ่นเป็นเพื่อนโดยการต่อสายตรงเพื่อพูดคุยกับเจ้าของเพจ “กว่าจะถึงออฟฟิศ” หรือคุณอ้อม-ณัฐฐาอำพัน อินทร์พรหม หนึ่งในแอดมินเพจที่เข้าใจทุกข์สุขของมนุษย์ออฟฟิศเป็นอย่างดี!
มาทำความรู้จัก และส่องเบื้องหลังภาพสร้างความสุขในวันเครียด ๆ ของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศกัน
ถ้าคุณคือหนึ่งในคนที่เคยพบเห็นภาพเหล่านี้…เราคือเพื่อนกัน!!
ทำไมถึงเข้าใจชีวิตมนุษย์ออฟฟิศดีขนาดนี้?
ก็เรานี่แหละมนุษย์ออฟฟิศตัวเป็นๆ และคนรอบข้างส่วนใหญ่ก็เหมือนกัน ถ้าจะให้เลือกเล่าเรื่องอะไรที่สื่อสารกับคนรอบข้างและเข้าใจกันมากที่สุดก็ต้องเป็นเรื่องที่มันจะมีส่วนร่วมกันได้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องบ่นเรื่องเม้า คือเรื่องอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องงานนั่นเอง (หัวเราะ)
คิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่มนุษย์ออฟฟิศต้องการบ้างในการทำงาน?
เริ่มที่ตัวเองก่อน…อารมณ์ขันนี่แหละช่วยได้ สุขภาพจิตนี่เป็นตัวกำหนดสุขภาพกายที่จะนำพาตัวเราไปทำงานในทุก ๆ วันอย่าง Happy เลยนะ
มีประโยคที่ว่า “เราต้องทำงานจนกว่างานจะท้อเรา” ฟังแล้วรู้สึกยังไง?
“คนพูดเขาแอดมิดอยู่โรงพยาบาลไหนคะ จะเอากระเช้าไปเยี่ยม555”
คือคนเราก็มีสไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันนะ งานมันไม่ท้อเราหรอก จะท้อก็มีแต่สุขภาพเรานี่แหละ แต่สำหรับเรา Work Life Balance สำคัญมาก ๆ ชีวิตเรามันยังต้องมีที่เหลือไว้ทำอย่างอื่นบ้าง
แล้วนึกยังไงถึงมาเริ่มทำเพจและใช้ชื่อ กว่าจะถึงออฟฟิศ?
เราก็มีความคิดที่จะทำเพจค่ะ คิดไว้หลายอย่างสุดท้ายมาลงล็อคที่เพจคอนเทนต์ โดยเลือกเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาเล่าเป็นภาพ ซึ่งปกติเราชอบวาดรูปอยู่แล้ว แต่เราก็อยากให้แต่ละรูปมันมีที่มาที่ไปโดยที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าใจกับสิ่งที่เราต้องการจะสื่อได้ด้วยเหมือนกัน ส่วนที่ใช้ชื่อนี้ก็เพราะอยากหยิบเอาเหตุการณ์ระหว่างที่เดินทางไปทำงานเนี่ยแหละขึ้นมาวาด ถึงตอนนี้จะไม่ได้โฟกัสแค่ช่วงเวลานั้นแล้วก็ตาม
“แต่ ‘กว่าจะถึงออฟฟิศ’ นี่เป็นประโยคที่เราบ่นในใจอยู่ทุกวันจริงๆนะ”
Copy แต่ละรูปนี้จัดว่าเด็ดมาก มีเทคนิคยังไงให้ออกมาตรงใจมนุษย์ออฟฟิศ?
เคยสังเกตตัวเองเหมือนกันค่ะ ว่าถ้าตั้งใจหรือคิดมากกับคอนเทนต์ไหนเป็นพิเศษมันไม่ค่อยเวิร์ค คือเวลาคนเห็นโพสต์เรา บางทีมันลึกเกิน ต้องคิดมากเกิน เขาก็ไม่เก็ท แต่ในขณะที่ถ้าเรามีไอเดียมันแว้บเข้ามาในหัวแล้วลงมือเขียนเลย นึกในช่วงสั้นๆ จะไม่ต้องใช้เวลานานเลย มันลื่นไหลมากๆ แล้วผลดันออกมาดีด้วย สามารถสื่อให้คนรับสารได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้คนที่เขาเลื่อนมาเห็นโพสต์ของเราก็เข้าใจได้ในทันทีด้วย
แล้วทำไมถึงชอบโยงเรื่องงานเข้ากับหนัง?
คือเราชอบดูหนัง และคิดว่าแต่ละซีนในหนังมันสามารถโยงกับเหตุการณ์ในชีวิตเราได้นะ มันทำให้เรื่องเล่าของเราน่าสนใจขึ้นด้วย
“เรื่องธรรมดา ๆ แต่ได้ดารามาช่วยเล่นให้ ดูมีความโอเวอร์ดี เราชอบ”
แบบนี้มีการจับคู่หนังแต่ละเรื่องกับคอนเทนต์ยังไง?
ขั้นตอนการคิดนี่มีหลายรูปแบบมากเลย บางคอนเทนต์ก็ได้ประเด็นก่อนแล้วค่อยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้เราจะผูกกับหนังเรื่องไหนได้บ้าง หรือในขณะที่บางทีเรากำลังดูหนัง มันก็นึกถึงประเด็นขึ้นมาได้เหมือนกันนะ ถึงแม้ไอเดียส่วนมากจะเกี่ยวกับหนัง แต่ที่ไม่เกี่ยวข้องเลยก็มีนะ ลองไปส่องกันในเพจดูได้
ให้กำลังใจมนุษย์ออฟฟิศที่ติดตามเพจเราหน่อย?
กำลังใจจากเพจเราอาจมีไม่มาก แต่หวังว่าจะช่วยแบ่งเบาความหนักหน่วงในชีวิตมนุษย์ออฟฟิศกันไปได้บ้าง
“สุดท้ายนี้ สู้ ๆ ดั่งเสียงน้ำไหลจ้า”