5 ก้าวเล็กๆ สู่ความสำเร็จครั้งใหม่ของ KOI Thé แบรนด์ชาไข่มุกที่เริ่มต้นจากความรักในการดื่มชา

Share

หลายธุรกิจเริ่มต้นจากความฝัน ความหวัง และหลายธุรกิจก็เริ่มต้นจากความรัก และความหลงใหล อย่าง ‘โคอิ เตะ’ ชื่อแบรนด์ชานมไข่มุกแบรนด์หนึ่งซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศไต้หวัน มีจุดเริ่มต้นจากความชอบท่องเที่ยว และอยากดื่มชาดี ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านในทุก ๆ ที่ จนในที่สุดก็เกิดเป็นธุรกิจชาอย่างจริง ๆ จัง ๆ ในปี 2006

ปัจจุบันก็ได้ส่งต่อความรัก ความหลงใหลนี้ให้กับผู้บริโภคชาโคอิ เตะมากมาย และนี่คือเรื่องราวจุดเริ่มต้นของ ‘โคอิ เตะ’ (KOI Thé) หรือ ‘ขอย เท’ ที่คนไทยน่าจะคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี

ในวันที่มีแบรนด์ชาไข่มุกมากมายเต็มท้องตลาด แต่โคอิ เตะก็ยังรักษามาตรฐาน และเอกลักษณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ใครที่เป็นสายชาไข่มุกน่าจะพอคุ้นเคยกับ Golden Bubble หรือไข่มุกสีทอง ที่มิสหม่า (Ms. Khloe Ma) ผู้ก่อตั้งอยากให้ผลิตภัณฑ์ของเขาแตกต่างจากที่อื่น และอยากให้ผู้บริโภคทุกคนได้สัมผัสกับชาไต้หวันดังความตั้งใจแรก

โคอิ เตะจะพิถีพิถันกับทุกกระบวนการ ขนาดขยายสาขาไปยังประเทศต่าง ๆ ก็ยังมีการนำเข้าใบชาและเม็ดแป้งไข่มุกจากไต้หวันอยู่

รู้หรือไม่ ? ไข่มุกของโคอิ เตะ ถ้าต้มแล้วปล่อยไว้นานเกิน 2 ชั่วโมงจะทิ้งทันทีต่อให้จะเหลือเต็มหม้อเลยก็ตาม!

จากเส้นทางที่ว่ามานี้ก็ขยายตัวมาสู่ประเทศไทย ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีที่ 6 แล้วที่โคอิ เตะมาตั้งอาณาจักรอยู่ที่ประเทศไทย โดยประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ 10 ที่โคอิ เตะเดินทางมา และเชื่อไหมว่า ช่วงแรกนั้นแบรนด์ชาไข่มุกนี้ค่อนข้างเหงาเลยทีเดียวแหละ

ถึงขั้นที่ต้มชาทิ้ง มากกว่าต้มชาไว้ขายเสียอีก… แต่ตอนนี้โคอิ เตะได้ก้าวข้ามความขรุขระต่าง ๆ นี้มาแล้ว

จากไข่มุกสีทองที่ทุกคนรู้จัก ตอนนี้โคอิ เตะได้ก้าวสู่ ‘การสะสมใบชา’ ที่เข้ากับคนยุคใหม่ ไปพร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้ตอบโจทย์ธุรกิจ และเทรนด์โลกมากยิ่งขึ้น

ก้าวต่อไปของแบรนด์โคอิ เตะคืออะไร ?

ก้าวแรกให้ ‘สะสมใบชา’ (KOI Leaf Rewards) ที่สายชาไข่มุกต้องมี

KOI Leaf Rewards คือ Membership Program หรือระบบสมาชิกของโคอิ เตะ ให้ลูกค้าสามารถสะสมคะแนนผ่านทุกการใช้จ่าย และรับสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับสมาชิกเท่านั้น โดยลูกค้าสามารถซื้อบัตร KOI Card ได้ที่หน้าร้านทุกสาขา โดยเติมเงินขั้นต่ำเพียง 100 บาท และลงทะเบียนผ่านแอปฯ KOI Thé Thailand ได้เลย

ใบชาสะสมทั้งหมดใน KOI Leaf Rewards จะได้จากการใช้จ่ายผ่านแอปฯ KOI Thé Thailand หรือผ่าน KOI Card ที่ทำการลงทะเบียนแล้ว โดยจะได้รับ 1 ใบชา สำหรับทุก ๆ การใช้จ่าย 25 บาท

สำหรับใครที่สงสัย KOI Card คืออะไร?
KOI Card คือบัตรใช้แทนเงินสดสำหรับร้านโคอิ เตะ (ประเทศไทย) สามารถใช้ซื้อเครื่องดื่มและสินค้าในร้านโคอิ เตะ สาขาใดก็ได้ในประเทศไทย

ความน่ารักคือใบชาที่เราจะสะสมก็มีชนิดของมันด้วย โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

1. “Leaf Rewards Balance” หรือ “ใบชาสะสมแลกสิทธิพิเศษ”
จำนวนใบชาที่สะสมสำหรับแลกรับสิทธิพิเศษต่างๆ จะเพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายผ่านแอปฯ KOI Thé Thailand หรือผ่าน KOI Card และจะลดลงตามการใช้ใบชาแลกสิทธิพิเศษหรือลดลงเมื่อใบชาหมดอายุ

2. “Total Leaf(s) Balance” หรือ “ใบชาสะสมเพื่อเลื่อนระดับสมาชิก”
จำนวนใบชาจะเพิ่มตลอดระยะเวลา 12 เดือนของรอบสมาชิก และจะถูกรีเซ็ตเมื่อมีการเปลี่ยนรอบสมาชิก โดยในการใช้ใบชาแลกสิทธิพิเศษ จะไม่กระทบกับยอดใบชาสะสมที่ใช้เลื่อนระดับสมาชิก ทำให้ไม่ต้องกังวลเลยว่า ถ้าแลกสิทธิ์ไปแล้ว ต้องมาสะสมใบชาเพิ่มเพื่อเลื่อนระดับใหม่

การสะสมใบชา หรือ KOI Leaf Rewards เป็นก้าวต่อไปที่สำคัญของโคอิ เตะ ที่อยากให้ผู้บริโภคอย่างเราได้รับสิทธิพิเศษให้คุ้มค่าทุกการใช้จ่าย และยังสามารถสะสมใบชาเพื่อเลื่อนระดับสมาชิกได้ด้วย

ซึ่งแต่ละระดับสมาชิกก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป อารมณ์เหมือนเราเล่นเกมแล้วพออัพเลเวลขึ้นแล้วก็จะมีเรื่องว้าว ๆ รอเราอยู่

สามารถไปลองสะสมใบชากันได้แล้วนะ!

ก้าวต่อไปสู่ Cashless Society ครบลูปสำหรับยุค New Normal

แม้ความสำเร็จตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ของโคอิ เตะ (ประเทศไทย) จะโดนใจใครหลายคนแล้ว แต่โคอิ เตะก็ยังคงปรับตัวอยู่เสมอ รวมไปถึงยุค New Normal แบบนี้ด้วย

นอกจากเรื่องการสะสมใบชาแล้ว ตอนนี้โคอิ เตะก็กำลังจะพัฒนาตัวเองให้ครบลูปมากขึ้น แน่นอนว่าระบบสมาชิก KOI Leaf Rewards ก็เป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางใหม่ ๆ นี้ที่โคอิ เตะอยากจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสด ลดการสัมผัสมากขึ้น

ต่อไปเวลาอยากกินชาไข่มุกของโคอิ เตะก็สามารถใช้จ่ายผ่านแอปฯ KOI Thé Thailand หรือ KOI Card ผ่านการเติมเงิน หรือสแกน QR Code ที่ร้านทุกสาขาได้เลย และคงต้องมารอดูกันต่อว่า โคอิ เตะจะพัฒนาเส้นทางใดต่อไปกับเรื่องของ Cashless Society ที่จะตอบโจทย์ตรงใจกับผู้บริโภคมากขึ้นในอนาคต

ก้าวไปข้างหน้าสู่ “Your Daily Beat” ที่จะอยู่กับทุกคนในทุกวัน

ก้าวเล็ก ๆ ที่ผ่านมาคือสิ่งที่เราทุกคนได้เห็นกันแล้วในปี 2021 แน่นอนว่ามันไม่ใช่ก้าวสุดท้ายของโคอิ เตะ แต่มันคือจุดเริ่มต้นที่โคอิ เตะจะเดินต่อไปหลังจากนี้

ตลอดมาวิสัยทัศน์ของโคอิ เตะคือ “Your Daily Beat” ที่อยากจะให้สินค้าและบริการของโคอิ เตะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เป็นแบรนด์ชานมไข่มุกที่ใคร ๆ ก็นึกถึง ‘พักกลางวันเหนื่อย ๆ คิดงานไม่ออก ก็ต้องนึกถึงโคอิ เตะนะ’ อะไรแบบนั้น และเพื่อให้ไปถึงฝันที่ว่านั้น โคอิ เตะก็ยังคงพัฒนาสินค้าและบริการอยู่เสมอ แต่ก็ยังคงไม่ลืม core หลักของตัวเองในเรื่องความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำชาไข่มุกทุกแก้ว ตั้งแต่คุณภาพน้ำ อุณหภูมิของชา หรือแม้แต่ปริมาณน้ำแข็งก็ตาม

ปัจจุบันโคอิ เตะมีสาขากว่า 50 สาขาทั่วประเทศ และยังคงตั้งใจที่จะขยายสาขาให้มากขึ้น เพื่อเข้าถึงลูกค้าทุกคน ไปพร้อมกับการให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมและการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

ก้าวไปพร้อมกับความยั่งยืนแบบ Green Business สไตล์โคอิ เตะ

เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมคือเรื่องที่ทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วม โคอิ เตะเองก็หันมาให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างจริงจังมากขึ้นเช่นเดียวกัน

นับจากช่วงที่เริ่มสร้างร้านร้านแรก โคอิ เตะได้ตระหนักถึงการป้องกันและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยมีนโยบายการคัดแยกขยะในทุกสาขาไม่ว่าจะเป็นกรองเศษชา วัตถุดิบ หรือแพ็คเกจเหลือทิ้งต่าง ๆ ออกไว้เป็นสัดส่วน เพื่อช่วยให้ง่ายต่อการกำจัดขยะและลดปริมาณขยะมูลฝอยในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการใช้แก้ว Eco Cup ให้ลูกค้าพกมาเองได้ มีการเปลี่ยนถุงพลาสติกให้เป็นแบบถุงรักษ์โลก (EDP) ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ รวมถึงในฝั่งสำนักงานที่ตอนนี้ โคอิเตะก็ได้มีการพัฒนาในเรื่องของ Green Business มากขึ้น อาทิ การพัฒนา ระบบการทำงานแบบ E-document หรือ paperless ให้มากที่สุด หรือมีจุดแยกขยะเพื่อให้ง่ายต่อการคัดแยก และการรีไซเคิล และอีกหนึ่งก้าวเล็ก ๆ คือ มีโปรเจครีไซเคิลที่เปลี่ยนรูปแบบเสื้อยูนิฟอร์มเก่าให้กลับมาเป็นเสื้อใหม่ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยลดขยะสู่สิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ทั้งหมดที่ว่ามานี้คือ ก้าวการเปลี่ยนแปลงของโคอิ เตะที่ได้ค่อย ๆ พัฒนาไปทีละขั้นอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อรักษาประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทั้งในเชิงโปรดักส์และการบริการ รวมไปถึงการพัฒนาสินค้าให้เป็น Environmental friendly-product มากยิ่งขึ้นด้วย

“To bring happiness to the whole world when drink a cup of KOI ”

“ตั้งใจ และมุ่งนำรสชาติ รวมถึงคุณภาพชาที่ดีที่สุดเสิร์ฟให้ผู้ที่รักในการดื่มชาเสมอ” อย่างที่ได้เล่าให้ทุกคนฟังตั้งแต่ต้นว่า โคอิ เตะมีเอกลักษณ์ในเรื่องของชาไข่มุก และขั้นตอนหลายอย่างก็ยังคงความพิถีพิถัน เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ไม่ว่าจะซื้อจากสาขาไหน ในประเทศใด ผู้บริโภคจะได้เครื่องดื่มที่มีคุณภาพ และรสชาติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

โคอิ เตะต้องการพัฒนาให้สินค้าและบริการตอบโจทย์ผู้บริโภค ทั้งทางด้าน physical และ emotional จะเห็นว่า ไม่ใช่แค่ตัวผลิตภัณฑ์ที่ขยายออกมาให้เราได้สะสมใบชา แต่ตัวธุรกิจเองก็ยังคงพัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย

ทุกก้าวเล็กๆ ที่กำลังจะเดินต่อไปจากนี้ก็ยังคงยึดมั่นในหัวใจหลัก และเป้าหมายของโคอิ เตะเสมอ

“To bring happiness to the whole world when drink a cup of KOI ”


Sources: Brandbuffet, thestandard