เมื่อ ‘Data is a new oil.’ Data-Driven Marketing อาวุธสำคัญของธุรกิจในยุคดิจิทัล

Share

ในยุคที่ “Data is a new oil.” ข้อมูลกลายเป็นขุมทรัพย์แห่งใหม่ที่มีมูลค่าไม่ต่างอะไรจาก ‘น้ำมัน’ เพราะไม่เพียงแค่เป็นแหล่งข้อมูลในการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าเท่านั้น แต่หากนำมาวิเคราะห์ และต่อยอดให้เป็น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแต้มต่อชั้นดีในการแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ด้วย

แน่นอนว่า ยิ่งบริษัทไหนมีข้อมูลเป็นจำนวนมาก ยิ่งมีศักยภาพในการแข่งขันสูงมากขึ้นเท่านั้น ในทางกลับกัน ถ้าบริษัทมีข้อมูลน้อย ยิ่งมีศักยภาพในการแข่งขันน้อยลงตามไปด้วย โดยปัจจุบันหลายบริษัทเริ่มมีการนำข้อมูลมาใช้กับการทำการตลาดให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือพูดง่ายๆ ว่า เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเลยทีเดียว ซึ่งในที่นี้เราเรียกว่า ‘Data-Driven Marketing’

แล้ว Data-Driven Marketing คืออะไร มีข้อดีอย่างไร และเราจะสร้าง Data-Driven Marketing ให้กับธุรกิจได้ยังไงบ้าง? ในบทความนี้ Future Trends จะพาไปดู

Data-Driven Marketing คืออะไร?

Data-Driven Marketing คือ การทำการตลาดที่ใช้ข้อมูลเป็นกลยุทธ์สำคัญ โดยมีการนำเอาข้อมูลการปฏิสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้าในอดีตจากช่องทางต่างๆ มาวิเคราะห์ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มพฤติกรรมในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น แตกต่างจากการตลาดแบบเดิมๆ ที่มักจะใช้ประสบการณ์หรือสัญชาตญาณจากเรื่องราวในอดีตเพียงอย่างเดียว

ข้อดีของ Data-Driven Marketing มีอะไรบ้าง?

หลังจากเข้าใจนิยาม ความหมายของ Data-Driven Marketing ไปแล้ว หลายคนอาจเกิดคำถามว่า แล้วการทำการตลาดแบบนี้ส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างไร? Future Trends จะพาไปดู 4 ข้อดีในการทำ Data-Driven Marketing กัน

1. ช่วยให้ธุรกิจรู้จักลูกค้า และส่งมอบ ‘ประสบการณ์ที่ดีที่สุด’

คนเรามีพฤติกรรมและความต้องการที่แตกต่างกัน การนำข้อมูลในอดีตมาวิเคราะห์ผ่านการทำ Data-Driven Marketing จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้นว่า เป็นใคร ชอบ และไม่ชอบอะไร? เพื่ออนาคตจะได้นำเสนอสินค้าได้ตรงใจ และส่งมอบ ‘ประสบการณ์ที่ดีที่สุด’ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเปลี่ยนสถานะจาก ‘ลูกค้าขาจร’ เป็น ‘ลูกค้าขาประจำ’ และช่วยเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ

2. ลดต้นทุน เพิ่มกำไร

นอกจากการรู้จักลูกค้ามากขึ้นแล้ว อีกมุมหนึ่ง Data-Driven Marketing ก็ช่วยเพิ่มผลกำไรและลดต้นทุนให้กับธุรกิจเช่นกัน กล่าวคือ เมื่อธุรกิจเข้าใจว่า ลูกค้าคนนี้ทำการตลาดแบบนี้ผ่านช่องทางนี้แล้วเวิร์ก ก็จะมุ่งให้ความสำคัญกับวิธีดังกล่าว ไม่ต้องลงแรง เวลา และเงินค่าโฆษณาไปกับช่องทางอื่นที่ไม่เกิดประโยชน์

3. ใช้ประกอบการตัดสินใจในอนาคต

การนำข้อมูลมาวิเคราะห์ช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์แนวโน้มพฤติกรรมในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยมีความแม่นยำมากกว่าการทำการตลาดแบบเดิมๆ ที่ใช้ประสบการณ์หรือสัญชาตญาณจากเรื่องราวในอดีตมาประกอบการตัดสินใจในการผลิตสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ในอนาคต รวมไปถึงช่วยในการวางกลยุทธ์ พัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการ และหาพื้นที่ว่างในตลาดที่ยังไม่มีคู่แข่งได้ด้วย

5 ขั้นตอนง่ายๆ สร้าง Data-Driven Marketing คุณเองก็ทำได้!

1. วางกลยุทธ์ให้เป็น

ขั้นแรก กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ทางการตลาดให้ชัดเจนว่า แท้จริงแล้ว การทำ Data-Driven Marketing ครั้งนี้ ธุรกิจต้องการอะไรกันแน่? เช่น ต้องการ Leads ลูกค้าใหม่ หรือต้องการ Retention ของลูกค้าเก่า เพื่อที่จะได้วางกลยุทธ์อย่างถูกต้อง

2. กำหนดพื้นที่แหล่งข้อมูล

หลังจากกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ทางการตลาดแล้ว ถัดมา ให้กำหนดพื้นที่แหล่งข้อมูลที่นำมาใช้ทำ Data-Driven Marketing ซึ่งในที่นี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแหล่งข้อมูลเดียวกันก็ได้ แต่สามารถมาได้จากหลายๆ แหล่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจ

3. กำหนดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย

จากที่เกริ่นในข้อก่อนว่า ให้กำหนดพื้นที่แหล่งข้อมูล แต่หากพูดกันตามเนื้อผ้าแล้ว ในความเป็นจริง ข้อมูลที่ได้มานั้นมีจำนวนมหาศาล เราไม่มีเวลามากพอที่จะมานั่งดูทุกชุด ฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคัดกรอง เพื่อดูว่าส่วนไหนที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย?

4. รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

เมื่อกำหนดข้อมูลและเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ต่อมา ก็ถึงเวลารวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ โดยสามารถมาได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นภายในและภายนอก อีกทั้งรูปแบบในการวิเคราะห์ก็สามารถเลือกใช้ได้หลายแบบด้วย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของธุรกิจนั้นๆ ไม่มีคำตอบตายตัวเสมอไป เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลผ่านสูตรคำนวณในโปรแกรม Microsoft Excel เป็นต้น

5. นำ Data Insight มาใช้

ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อได้ชุดข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์หรือข้อมูลเชิงลึกมาแล้ว ให้ลองตั้งสมมติฐาน และทดลองด้วยตัวแปรสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น และได้ชุดข้อมูลใหม่ๆ มาเพิ่ม ที่อาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ยุคนี้ลำพังแค่ Data-Driven Marketing นั้น ไม่เพียงพอที่จะเอาชนะคู่แข่งได้สำเร็จเสมอไป เพราะหากไม่มีระบบการจัดการหลังบ้านที่ดี มีประสิทธิภาพ ข้อมูลที่มีก็ไร้ค่า ไร้ความหมาย Future Trends มีตัวช่วยดีๆ อย่าง HPE Server Gen10, Gen10 plus และ Gen 11 มาแนะนำกัน

HPE Server Gen10 Gen10 plus และ Gen 11 คืออะไร?

HPE Server Gen10 และ Gen10 plus คือ ตัวช่วยที่จะทำให้ธุรกิจทำ Data-Driven Marketing ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานของธุรกิจ มีระบบการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ รองรับการทำงานในทุกสภาวะ มีความยืดหยุ่น ปรับได้ตามการใช้งาน และมีความปลอดภัยสูง

ที่สุดของ Data-Driven Marketing ด้วย HPE Server

HPE ProLiant DL360 Gen10 และ DL325 Gen10 plus v2 กับสุดยอดมาตรฐานโปรเซสเซอร์

HPE ProLiant DL360 Gen10 และ DL325 Gen10 plus v2 เป็นเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลขนาดเพียง 1U ที่รองรับมากถึง 2 โปรเซสเซอร์ มีมาตรฐานการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่นและความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังสามารถขยายความจุของข้อมูลได้อย่างหลากหลาย เหมาะกับงานที่มีเวิร์กโหลดจำนวนมากในพื้นที่ที่มีอย่างจำกัดด้วย

HPE ProLiant DL380 Gen10 และ Gen10 plus กับเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพชั้นนำของอุตสาหกรรม

HPE ProLiant DL380 Gen10 และ Gen10 plus เป็นเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลชั้นนำที่มีการประมวลผลแบบหลายเวิร์กโหลดที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐานระดับโลก มีความคล่องตัวสูงสุดในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย และน่าเชื่อถือมากที่สุดในอุตสาหกรรม

HPE ProLiant DL160 Gen10 กับความทรงพลังที่มากกว่าเดิม

HPE ProLiant DL160 Gen10 เป็นเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลขนาด 1P ที่ทรงพลังและหลากหลายที่สุดของ HPE ProLiant ด้วยขนาดที่เหมาะสม ประสิทธิภาพสูง และความสามารถที่ครอบคลุม ทั้งแอปพลิเคชันและปริมาณงานที่หลากหลาย อีกทั้ง ยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าตั้งแต่ SMB ไปจนถึงสภาพแวดล้อม ROBO ด้วย เหมาะกับการใช้งานระดับองค์กร

HPE ProLiant DL20 และ ML30 Gen10 plus กับความต้องการที่ครบเครื่อง

HPE ProLiant DL20 และ ML30 Gen10 plus เป็นเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลขนาดเริ่มต้น ที่เหมาะสำหรับธุรกิจระดับกลางขึ้นไปและธุรกิจที่กำลังเติบโต สามารถทำงานได้หลากหลาย ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และรองรับในทุกความต้องการ

HPE ProLiant MicroServer Gen10 plus v2 กับความกะทัดรัดที่ใช่

HPE ProLiant MicroServer Gen10 plus v2 เป็นเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลที่มีขนาดกะทัดรัด และถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ SMB เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก และบ้านที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมเซิร์ฟเวอร์ไอทีเครื่องแรกด้วยฟอร์มแฟคเตอร์ที่ใช้งานง่าย เนื่องจากรองรับความต้องการได้อย่างหลากหลาย และติดตั้งในพื้นที่ที่มีจำกัดได้อย่างง่ายดาย

HPE ProLiant Gen 11 กับที่สุดของเซิร์ฟเวอร์ยุคดิจิทัล

HPE ProLiant Gen 11 เป็นเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกเวิร์กโหลดในยุคดิจิทัล ทั้ง Hybrid Cloud, AI, ML, Data analytic, Virtual Desktop Infrastructure (VDI), Virtualization และ Container โดยมาพร้อมกับ CPU ใหม่ล่าสุดอย่าง CPU Generation ที่ 4 จากค่าย AMD EPYC Genoa และ Intel Xeon Sapphire Rapids

อีกทั้งยังเร็ว แรง และมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น โดยสามารถรองรับหน่วยความจำ MemoryDDR 5 – 4800 และ Standard Form Factor รูปแบบใหม่ EDSFF (Enterprise and Data Center Standard Form Factor), iLo6 ซอฟต์แวร์บริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์แบบทางไกล สามารถตั้งค่า ตรวจสอบ และอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้อย่างไม่สะดุด และ PCIe Gen5 แต่ขณะเดียวกันก็ยังระบายความร้อนได้ดีและประหยัดพลังงานด้วย

HPE Server กับความพิเศษที่คัดสรรมาเพื่อคุณ

1. อุ่นใจทุกปัญหา

หากระหว่างการใช้งานเกิดปัญหาหรือมีข้อสงสัยขึ้นมา สามารถสอบถามทางออนไลน์ได้ทุกวัน ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง และมีประกันหลังการขายที่ครอบคลุมมากถึง 3 ปีเต็ม

2. ล้ำไปอีกขั้นด้วย ‘HPE InfoSight’

ปัญหาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดและคาดเดาได้ยาก HPE Server ทุกรุ่นมี ‘HPE InfoSight’ ที่จะเข้ามาช่วยรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยมีการเตรียมการรับมือเอาไว้ล่วงหน้า และรองรับการบริหารจัดการแบบอัจฉริยะ

3. ยืนหนึ่งเรื่องมาตรฐาน หนักแค่ไหนก็เอาอยู่!

ไร้กังวลเรื่องความหนัก HPE Server มี Harddisk SSD Mixed USED ที่รองรับการใช้งานทุกเวิร์กโหลดได้อย่างทนทาน ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจที่กำลังเติบโต ซึ่งมีให้เลือกใช้หลากหลายแบบ มีความยืดหยุ่น และความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้นใช้งาน

4. ฟีเจอร์แบบเน้นๆ

HPE Server Gen10 และ Gen10 plus และรุ่นล่าสุด Gen11 มีฟีเจอร์ให้เลือกใช้มากมายตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งโปรไฟล์ของ BIOS ด้วย Workload Matching, ระบบให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดเก็บและย้ายข้อมูลแบบไฮบริดให้คุ้มค่าด้วย HPE Right Mix Advisor, ตรวจสอบเฟิร์มแวร์ให้แน่ใจว่าไม่มีการถูกแทรกแซงด้วยชิป Root of Trust พิเศษ, บังคับใช้รหัสผ่านในขณะบูตได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกแก้ไขหรือตั้งค่าในระดับการบูตหรือตั้งค่าอย่างไม่หวังดี และบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์อย่างอัตโนมัติด้วย HPE iLO 5, HPE iLO RESTful API และ HPE OneView

ทุกวันนี้การแข่งขันในตลาดค่อนข้างดุเดือด มีทั้งปลาเล็กและปลาใหญ่เต็มไปหมด ดังนั้น ธุรกิจควรมีระบบการจัดการหลังบ้านที่ดี มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นอาวุธสำคัญในการเอาชนะคู่แข่งท่ามกลางยุคดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย

HPE Server Gen10, Gen10 plus และ Gen 11 เปิดขายในราคาโปรโมชัน และแถมของแถมพิเศษแล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2566

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.hybriditthailand.com/promotion/hpe-hero-models-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-ingram-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-31-%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89/


หรือติดต่อ THSMBContact@hpe.com

Sources:
https://bit.ly/46KFLvV
.
https://bit.ly/45rXNlJ
.
https://bit.ly/46sfWRD
.
https://bit.ly/45wHzro
.
https://bit.ly/45mEudu
.
https://bit.ly/45AJ08w