ถอดรหัสความสำเร็จ 15 ปี ของ SAFE Fertility Group กับการเป็นศูนย์การแพทย์รักษาผู้มีบุตรยากครบวงจร

Share

ถอดรหัสความสำเร็จ 15 ปี ของ SAFE Fertility Group กับการเป็นศูนย์การแพทย์รักษาผู้มีบุตรยากครบวงจรที่พร้อมเติบโตสู่ระดับภูมิภาคเอเชีย

ในโลกยุคใหม่ที่ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้ทำให้คนยุคนี้ต้องเผชิญกับความเครียด ความกดดัน หลายคนต้องทำงานหนักในช่วง 5-10 ปีแรก ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการตักตวงประสบการณ์และโอกาสเพื่อความก้าวหน้า ด้วยวิถีชีวิตเช่นนี้เป็นเหตุให้คู่รักคนรุ่นใหม่หลายคู่ตัดสินใจเลื่อนแผนการมีลูกออกไป เพราะต้องใช้เวลาในการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว 

จะเห็นได้ว่าคนยุคนี้นิยมมีลูกกันช้าขึ้นจากแต่ก่อน ขณะเดียวกันเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ด้วยธรรมชาติของร่างกาย ความสามารถในการมีลูกกลับลดลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านพฤติกรรม เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการสูบบุหรี่ ที่อาจส่งผลทำให้คนยุคนี้มีบุตรยาก ซึ่งสิ่งที่เข้ามาตอบโจทย์ให้กับคนที่อยากมีลูก ก็คือการแพทย์ที่เรียกว่า ‘เวชศาสตร์เจริญพันธุ์’ หรือ Reproductive Medicine 

ปัจจุบันพบว่าเทรนด์เวชศาสตร์เจริญพันธุ์กำลังเติบโตไปตามเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจาก Allied Market Research ระบุมูลค่าตลาดการรักษาผู้มีบุตรยากอยู่ที่ 21,138.2 ล้านเหรียญฯ ในปี 2021 และคาดว่าจะเพิ่มไปเป็น 90,794.1 ล้านเหรียญภายในปี 2031 ทุกวันนี้ผู้คนที่เดินเข้าไปยังศูนย์ให้บริการเพื่อคนมีบุตรยาก (Fertility Center) ไม่ได้แค่ไปรักษาภาวะการมีบุตรยากเท่านั้น แต่ยังมีคู่สมรสที่ไปเพื่อตรวจเช็กระบบสืบพันธุ์ หรือวางแผนก่อนมีบุตรอีกด้วย จะเห็นได้ว่าความต้องการเรื่องนี้มีเพิ่มขึ้นและเป็นหนึ่งในเทรนด์สุขภาพที่น่าจับตามองทีเดียว

ทำความรู้จัก SAFE Fertility Group ผู้ส่งมอบความฝันในการมีบุตรมามากกว่า 15 ปี

เมื่อพูดถึงธุรกิจเพื่อผู้มีบุตรยากในไทย หนึ่งในชื่อที่ต้องพูดถึงคือ ‘SAFE Fertility Group’ เพราะเขาเป็นศูนย์ผู้มีบุตรยากแห่งแรกในไทย และแห่งที่ 2 ในอาเซียนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้วจากสถาบัน RTAC (Reproductive Technology Accreditation Committee) มาตรฐานระดับสากลจากประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ทั้งยังเป็นผู้นำด้านรักษาผู้มีบุตรยาก และด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนในเอเชีย 

SAFE Fertility Group ก่อตั้งโดยสูตินรีแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากโดยเฉพาะ อย่าง นพ. วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ตั้งแต่ปี 2007 จนถึงตอนนี้เขาได้ช่วยสานฝันให้กับคู่สมรสที่เข้ามารับการรักษาเป็นจำนวนกว่า 15,000 คู่

ในตลาดเวชศาสตร์เจริญพันธุ์อะไรกันที่เป็นหัวใจที่จะไปสู่การเป็นผู้นำและเติบโตในระดับภูมิภาค วันนี้ Future Trends จะพาไปถอดรหัสความสำเร็จจาก SAFE Fertility Group กัน

ให้ความสำคัญกับการสรรหาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของคนไข้

ทุกวันนี้เรารู้กันดีว่านี่เป็นยุคแห่งเทคโนโลยี ในด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ 

‘เทคโนโลยี’ ได้เข้ามามีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ให้มากขึ้นจากแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) การฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI) การย้ายตัวอ่อน (Embryo Transfer) การฝากไข่ (Egg Freezing) หรือการแช่แข็งอสุจิ (Sperm Freezing) เทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยให้กระบวนเหล่านี้เป็นไปได้และปลอดภัยยิ่งขึ้น

.

ที่ SAFE Fertility Group ไม่เพียงแต่มีเครื่องมือและเทคโนโลยีครบวงจร แต่เขายังคอยมองหาเทคโนโลยีดีที่สุดเพื่อคนไข้อยู่เสมอ โดยใจความสำคัญของการมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องความทันสมัย แต่เพราะเขาให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาของคนไข้

.

ตัวอย่างเทคโนโลยีของ SAFE Fertility  Group เช่น ตู้เพาะเลี้ยงเซลล์ตัวอ่อน EmbryoScope ซึ่งที่นี่เป็นแห่งแรกในไทยที่มีเทคโนโลยีนี้ และยังเป็นที่แรกในไทยที่นำเอาการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อนด้วย NGS (Next Generation Sequencing) by Illumina จากสหรัฐอเมริกามาใช้ จะเห็นได้ว่า SAFE Fertility Group คอยอัปเดตเครื่องมือการรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ย้อนกลับไปที่ประโยชน์และความปลอดภัยของตัวผู้รับการรักษาเป็นหลัก

สร้างความเชื่อมั่นด้วยมาตรฐานสากล และทีมงานผู้เชี่ยวชาญ

เรื่อง ‘ความเชื่อมั่น’ ของคนไข้เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ โดยปกติหากพูดถึงเรื่องการรักษาไม่ว่าจะเป็นวิธีการไหน หรือด้วยเครื่องมืออะไร เราจำเป็นจะต้องเชื่อมั่นทั้งในแพทย์และทีมงาน รวมไปถึงเครื่องมือและกระบวนการ ในการรักษาเพื่อการมีบุตรก็เช่นกัน ทุกสิ่งที่อยู่ในกระบวนการรักษาต้องได้มาตรฐาน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ SAFE Fertility Group รับรู้และตระหนักเป็นอย่างดี ที่ผ่านมา SAFE Fertility Group ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ ด้วย 2 เหตุผลสำคัญ คือ

การมีมาตรฐานระดับสากล

ที่นี่เป็นคลินิกแรกในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก RTAC ในปี 2015 ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ไม่เพียงเท่านี้ เพราะยังมีมาตรฐานระดับสากลอื่นๆ อย่าง UK NEQAS ที่รับรองว่าห้องปฏิบัติการของที่นี่ได้ซึ่งมาตรฐานนี้ถือเป็นการการันตีถึงคุณภาพจากสถาบันรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้ว (Reproductive Technology Accreditation Certification) จากประเทศมาตรฐานและมีคุณภาพระดับโลก และยังมี ISO ที่รับรองว่า SAFE Fertility Group มีมาตรฐานการดูแลคนไข้ได้อย่างเป็นสากล

ให้บริการด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ

ที่นี่มีทีมงานกว่า 188 คนที่เชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน ทั้งด้านการมีบุตรยาก ด้านตัวอ่อน รวมถึงด้านการให้คำแนะนำและการบริการ ทั้งยังการันตีความเก่งของทีมงาน โดยได้รับการยอมรับจากสมาคมด้านเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ของยุโรป (ESHRE) ซึ่งทีมงานที่นี่ถือเป็นนักวิทยาศาสตร์กลุ่มแรกของไทยที่ผ่านการรับรองนี้เลย ด้วยความสามารถบวกกับการสั่งสะสมประสบการณ์มากมายทำให้ทีม SAFE Fertility Group มีคุณภาพและพร้อมดูแลคนไข้ทุกคนที่เข้ามารับบริการอย่างเต็มที่ 

ด้วยมาตรฐานระดับสากลและทีมงานที่เชี่ยวชาญทำให้ผู้มารับบริการรู้สึกเชื่อมั่น โดยที่ผ่านมาให้บริการ ICSI หรือเด็กหลอดแก้วเฉลี่ยกว่า 1,300 Cycle ต่อปี และให้บริการตรวจวินิจฉัยและคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อน (PGT) เฉลี่ยกว่า 9,500 การทดสอบต่อปี

มอบประสบการณ์ที่ดีด้วยการบริการที่อบอุ่นและใส่ใจ

หนึ่งในหัวใจสำคัญเรื่องการบริการของศูนย์ผู้มีบุตรยากคือต้องสร้าง ‘ความรู้สึกอุ่นใจ’ ให้เกิดขึ้น ลองนึกภาพว่าครอบครัวที่ตั้งอยากมีลูกแต่ต้องประสบกับภาวะมีบุตรยาก พวกเขามักเดินเข้ามาด้วยความคาดหวังบวกกับความกังวล ดังนั้น สิ่งที่จะเติมเต็มให้กับคนไข้ได้ นอกจากเครื่องมือที่ทันสมัย กระบวนการรักษา แล้วที่ SAFE Fertility Group ยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูด้วยความใส่ใจอยู่เสมอเพื่อให้ผู้มารับบริการได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไป

โดยครอบครัวที่มารับการรักษาจะสามารถออกแบบวิธีการและเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์กับความต้องการที่แตกต่างกันได้ แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่ภายใต้มาตรฐานและความปลอดภัยเดียวกัน และในทุกกระบวนการจะมีทีมงานพร้อมซัปพอร์ต ให้ข้อมูลและคำปรึกษา ทั้งด้านการรักษาและด้านจิตใจ

ที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งคือ ที่นี่เขาพร้อมให้บริการทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยมีผู้ดูแลส่วนบุคคลที่สื่อสารได้หลายภาษา (Multi-language Personal Assistant)  ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดทั้งการรักษา สอดรับกับความต้องการของกลุ่มชาวต่างชาติ ‘Fertility Tourism’ ที่นิยมมารักษาภาวะมีบุตรยากในประเทศแทบเอเชียแปซิฟิก ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในจุดหมายที่นักท่องเที่ยวมักจะมารับบริการ และด้วยเทคโนโลยี มาตรฐานระดับสากล และการดูแลที่อบอุ่น ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ไม่ว่าจะชาวไทยหรือประเทศอื่นๆ ต่างก็ไว้วางใจทีมงานที่ SAFE Fertility Group

SAFE พร้อมเติบโต สอดรับเทรนด์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

ทั้ง 3 เรื่องที่เราเล่าไป ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของคนไข้ การสร้างความเชื่อมั่นด้วยมาตรฐานสากลและทีมงานผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการมอบประสบการณ์ที่ดีด้วยการบริการที่อบอุ่นและใส่ใจ ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ SAFE Fertility Group ให้ความสำคัญมาตลอด 15 ปี สิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาเป็นความสำเร็จในประเทศ ที่พร้อมเติบโตสู่ก้าวต่อไปในการเป็นผู้นำระดับภูมิภาค

ความตั้งใจและความชำนาญของทีมงานก็สะท้อนให้เห็นผ่านตัวเลขอัตราความสำเร็จในการรักษาโดยเฉลี่ยสูงถึง 75% หรือกว่า 15,000 คู่ ที่สามารถมีลูกได้อย่างที่หวัง ทำให้ปัจจุบัน SAFE Fertility Group ขยายสาขาในประเทศรวมทั้งหมด 5 สาขา เป็นสาขาในกรุงเทพฯ 2 สาขา ได้แก่ สาขาอัมริมทร์ พลาซ่า และสาขารามอินทรา และสาขาต่างจังหวัด 3 สาขา ได้แก่ สาขาขอนแก่น สาขาภูเก็ต และสาขาศรีราชา 

ทั้งตอนนี้และในอนาคตตลาดเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ยังเป็นพื้นที่ที่มีแนวโน้มจะขยายตัวได้อีกมาก และเทรนด์นี้ยังเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่จะเสริมสร้างการเป็น Medical Hub ของไทยได้อีก ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง บวกกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการวางแผนและการรักษาด้านการมีบุตรมากขึ้นทำให้เทรนด์นี้น่าติดตามไม่น้อย 

และทั้งหมดนี้เป็นแนวคิดที่เราเรียนรู้ได้จาก SAFE Fertility Group นอกจากจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการให้บริการสำหรับ Fertility Center แล้ว ทั้ง 3 ข้อนี้ ยังสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจอื่นได้อีก เพราะทั้งเทคโนโลยี มาตรฐาน และการบริการที่ใส่ใจลูกค้า ต่างก็เป็นสิ่งที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ

Source: