ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน หลักในการดำเนินธุรกิจนั้นยังคงเรียบง่ายเสมอมา นั่นคือการทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า และบริการของเรา แต่เมื่อมาดูในมุมมองของลูกค้า การจะตัดสินใจซื้อสินค้า และบริการใดๆ นั้นเรียบง่ายไม่แพ้กัน ‘ถ้าลูกค้าชอบ ลูกค้าก็ซื้อ’ เท่านั้นเอง
แต่ในเมื่อมนุษย์เราไม่มีความสามารถในการอ่านใจ แล้วธุรกิจจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกค้าคนไหนชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร ด้วยเหตุนี้เอง กลยุทธ์การตลาดแบบเฉพาะบุคคล หรือ ‘Personalize Marketing’ จึงเกิดขึ้น เพราะทำให้ธุรกิจสามารถออกแบบสินค้า และบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าได้มากที่สุด วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า Personalize Marketing มันคืออะไร และกลยุทธ์นี้จะสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจได้มากแค่ไหน
Personalize Marketing คืออะไร ?
ถ้าพูดกันให้เข้าใจง่าย กลยุทธ์นี้คือรูปแบบการตลาดที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ด้วยการใช้ ‘ข้อมูล’ มาวิเคราะห์ เพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ลูกค้าน่าจะชอบมากที่สุด ในจุดนี้เองที่ทำให้ธุรกิจสามารถรู้ความชอบของลูกค้าได้ราวกับ ‘อ่านใจ’ เลยทีเดียว และดูเหมือนลูกค้าจะชอบที่ธุรกิจอ่านใจพวกเขาได้เสียด้วย เพราะจากการสำรวจของ Saleforce พบว่า กว่า 66% ของกลุ่มผู้บริโภคคาดหวังให้ธุรกิจสามารถรับรู้ได้ว่าพวกเขาต้องการอะไร
แต่จริงๆ แล้วกลยุทธ์การตลาดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการธุรกิจ ในสมัยก่อนถ้ายังจำกันได้ เรามักจะเห็นบูธที่เชิญเราไปกรอกแบบสอบถามต่างๆ นั่นคือรูปแบบหนึ่งของการเก็บข้อมูล ที่ธุรกิจจะนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป แต่ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น การเก็บข้อมูลจึงทำได้ง่ายกว่าในอดีต เพราะเราต่างท่องโลกอินเทอร์เน็ตอยู่ทุกวัน ทำให้ทุกเว็บที่เราเข้า ทุกลิงก์ที่เราคลิก ล้วนเป็นข้อมูลอันมีค่าที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้ต่อได้ทั้งสิ้น
จะเห็นได้ว่าแกนหลักของกลยุทธ์การตลาดแบบนี้คือ ‘ข้อมูล’ แต่อย่างที่เราทราบกันว่าการเก็บข้อมูลจากลูกค้านั้นมีหลากหลายวิธี และข้อมูลจากลูกค้านั้นเรียกได้ว่ามีปริมาณมหาศาล แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อมูลที่มีในมือ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง หรือข้อมูลเหล่านี้เพียงพอหรือไม่ในการตัดสินความต้องการของลูกค้า เมื่อเป็นแบบนั้น เทคโนโลยีจึงเข้ามามีบทบาทในการช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าในปริมาณมาก ไปจนถึงการวิเคราะห์เปรียบเทียบเพื่อหาข้อมูลเชิงลึก (Insight)
ผลลัพธ์ของ ‘Personalize Marketing’ ในเชิงการเติบโตของธุรกิจ
จากการสำรวจของหลายสถาบัน ทำให้เราเห็นได้ว่าองค์กรที่มีการนำ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาปรับใช้เรื่องการเก็บข้อมูล และส่งเสริมทักษะให้พนักงานได้เข้าใจในเรื่องนี้จริงๆ เฉลี่ยกว่า 70% จากบริษัทกลุ่มตัวอย่างได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของกำไรมากกว่า 200% นอกจากนี้บริษัทที่ประยุกต์ใช้กลยุทธ์นี้ในขั้นสูงขึ้น ยังสามารถทำผลกำไรที่มากขึ้นไปกว่านี้ได้อีก
สิ่งที่ตามมาจากการที่ธุรกิจสามารถออกสินค้า และบริการได้ตรงใจลูกค้า คือประสบการณ์ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์จะมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญมากเช่นกัน เพราะจากรายงานการสำรวจของ Saleforce ทำให้เราได้เห็นว่า 80% ของกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคมองว่าเรื่องประสบการณ์ส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า และบริการจากธุรกิจ
ดูบทบาทของเครื่องมือทางเทคโนโลยี ที่ทำให้กลยุทธ์ทางการตลาดเป็นเรื่อง ‘ง่าย’
เครื่องมือทางการตลาดที่อยากมาแนะนำทุกคนวันนี้ นั่นคือ ‘Customer Data Platform’ (CDP) เจ้าเครื่องมือตัวนี้ทำให้เราจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลได้ง่ายขึ้น โดยเราสามารถจัดการข้อมูลที่เก็บจากทุกช่องทาง ทั้ง Online และ Offline ก่อนจะนำไปจัดกลุ่มเพื่อวิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึก ที่สำคัญเครื่องมือตัวนี้ยังช่วยให้เราสามารถสร้างแคมเปญทางการตลาดได้แบบอัตโนมัติในเครื่องมือเดียว
จากความสามารถมากมายของเครื่องมือตัวนี้ ทำให้ Choco CRM ได้พัฒนาต่อยอด และสร้าง ‘Choco CDP’ ขึ้น เพื่อยกระดับการทำงานของ CDP และทำให้ธุรกิจสามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. นอกจากการบริหารภาพรวมของข้อมูลแล้ว เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้ารายบุคคลได้
2. จัดงบการตลาดให้เหมาะสมกับแคมเปญ และกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังสร้างยอดขายที่มากขึ้นด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบ Personalize Marketing ผ่านการสื่อสารโดยตรงกับลูกค้าในหลากหลายช่องทาง เช่น SMS, E-Mail, LINE OA .
เมื่อพูดถึงเรื่องการเก็บข้อมูล จะเห็นได้ว่าในตอนนี้เรามีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกันแล้ว หมายความว่าธุรกิจจะเก็บข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์ได้ลำบากขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการเก็บข้อมูลที่ถูกต้อง และใช้ได้จริง ที่สำคัญต้องมีความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูล โดยมีกระบวนการทำงานไปในแนวทางเดียวกับที่กฎหมายกำหนดด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ Choco CDP ได้คิดเผื่อเอาไว้หมดแล้ว เพื่อการเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดแบบไม่มีสะดุด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะไม่มีความสามารถในการอ่านใจ แต่การทำให้ลูกค้ารัก และเลือกแบรนด์ของเราเป็นที่หนึ่งในใจนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินไป เราต้องไม่ลืมสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจ นั่นคือความทุ่มเทในการเข้าถึงลูกค้าอย่างจริงใจ เพื่อรับรู้ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด และนำมาสร้างสรรค์สินค้า รวมถึงบริการที่จะเข้าไปช่วยยกระดับชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้นนั่นเอง
Sources:https://bit.ly/3VhKos1