อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เกิดสงครามขนาดย่อมในโลกคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) จากการที่เหรียญ ‘ลูน่า’ (LUNA) และ ‘UST’ ถูกโจมตีจนมีมูลค่าเหลือเป็นศูนย์ และยังทำให้ราคาของเหรียญคริปโทฯ อื่นๆ พลอยร่วงลงไปด้วย ขนาดที่ว่า เหรียญ ‘เบอร์หนึ่ง’ เจ้าตลาดอย่าง ‘บิตคอยน์’ (Bitcoin) ยังต้านทานไม่ไหว จนราคาร่วงจากมูลค่าสูงสุดที่เคยทำได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ในรอบ 10 เดือน
หลังจากที่สงครามนี้จบลง ราคาของเหรียญคริปโทฯ แทบทุกเหรียญก็ค่อยๆ ทยอยฟื้นตัว โดยมุ่งหวังที่จะทำให้มูลค่าของมันกลับไปสู่จุดสูงสุดดังเดิม แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น…
เพราะในตอนนี้ ราคาของบิตคอยน์ร่วงลง 8 สัปดาห์ติดต่อกัน อีกทั้งยังไม่รู้ว่า เมื่อไรที่ราคาจะสูงขึ้นจาก 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้อย่างขาดลอยเสียที และเมื่อพิจารณาปัจจัยด้านเวลาด้วยแล้ว นี่คงเป็นผลจากปัญหาทางเศรษฐกิจที่สะสมมาเรื่อยๆ จนเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่มีตัวกระตุ้นเร่งให้ระเบิดทำงาน ซึ่งตัวกระตุ้นที่ว่า ก็คือความบอบช้ำที่เหตุการณ์การโจมตีเหรียญลูน่าและ UST ได้ทิ้งเอาไว้
เมื่อทิศทางราคาของบิตคอยน์ยังดูซบเซา จนน่าหวั่นใจ ก็ทำให้นักวิชาการ นักธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดในวงการคริปโทฯ หลายๆ คนอดไม่ได้ที่จะต้องออกโรงมาเตือนเหล่า ‘แมงเม่า’ หรือนักลงทุนตัวจิ๋ว ให้ระวัง และจับตาดูสถานการณ์การลงทุนในบิตคอยน์ให้ดี รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ด้วย
อย่าง ‘บิล เกตส์’ (Bill Gates) มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับสี่ของโลก เจ้าของบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟต์ (Microsoft) ออกมาเตือนว่า “ถ้าคุณมีเงินน้อยกว่า ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) ลงทุนอย่างไรก็เสียเปรียบ” และตัวเขาเองก็ไม่มีความคิดที่จะลงทุนในคริปโทฯ เลยด้วย เพราะมันไม่ได้สร้างคุณค่าอะไรให้กับสังคม นอกจากนี้ ยังมีคำเตือนจาก ‘คริสติน ลาการ์ด’ (Cristine Lagarde) ประธานธนาคารกลางยุโรป ด้วยว่า “คริปโทฯ ไม่มีค่าอะไรเลย เพราะมันไม่มีหลักค้ำประกันที่ชัดเจน”
แต่ในทางตรงข้าม ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มราคาของบิตคอยน์ในเชิงบวกอยู่ อย่างในเวทีการประชุม World Economic Forum 2022 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ‘ฟรานซิส ซัวเรส’ (Francis Suarez) นายกเทศมนตรีเมืองไมอามี (Miami) ที่เป็นนักการเมืองสายโปรคริปโทฯ (Pro-Crypto) กล่าวว่า “การลงทุนในคริปโทฯ ก็เหมือนกับการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่ออนาคต ระหว่างทางต้องเจออุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา หากคุณรอให้วันที่มันสำเร็จมาถึง คุณจะได้รับรางวัลใหญ่อย่างแน่นอน”
เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญยังมีความคิดเห็นที่ต่างกันเป็นสองฝั่งที่ชัดเจนขนาดนี้ แล้วเราในฐานะนักลงทุนธรรมดาๆ คนหนึ่งควรจะเชื่อใครดี?
วันนี้ เราจึงนำความคิดเห็นที่ต่างกันสุดขั้วของเหล่าผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ว่า ในอนาคต สินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็น ‘The Best Choice’ ที่ใครๆ ต่างก็ต้องการลงทุน หรือเป็นเพียง ‘The Other Choice’ สินทรัพย์ทางเลือกสำหรับคนบางกลุ่มกันแน่?
สินทรัพย์ดิจิทัลยังเป็น ‘The Best Choice’ ของนักลงทุน
หากเรามองในระยะยาวว่า คริปโทฯ จะเป็นเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนโลกในอนาคตได้จริง ช่วงเวลาที่ราคาของมันกำลังซบเซาเช่นนี้ อาจจะเป็นเพียงหนึ่งในอุปสรรคของหนทางสู่ความสำเร็จในการเป็นระบบทางการเงินสุดล้ำ หรือสินทรัพย์ที่ใครๆ ต่างก็ต้องการลงทุน
หนทางของมันมีความคล้ายคลึงกับยุคเริ่มต้นของเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกอื่นๆ ที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน อย่างไอโฟน (iPhone) โทรศัพท์มือถือที่สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) กล้าทำแบบไร้ปุ่มกด ในยุคที่โทรศัพท์มือถือแบบปุ่มกดยังเฟื่องฟู ซึ่งในตอนนั้น ก็มีแต่คนงงว่า โทรศัพท์ไม่มีปุ่มกด แล้วจะใช้อย่างไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนเริ่มเปิดใจหันมาใช้กันมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้แอปเปิล (Apple) กลายเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น ในโลกของคริปโทฯ หรือสินทรัพย์ดิจิทัลเองก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ เมื่อมันสามารถเอาชนะอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาเรื่อยๆ และพิสูจน์ได้ว่า ตัวเองก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงเช่นกัน เมื่อถึงวันนั้น สินทรัพย์ดิจิทัลก็จะยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนอยู่
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเพียง ‘The Other Choice’ ของนักลงทุน
กลไกการขึ้นลงของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลมีลักษณะเป็นลูกคลื่น กล่าวคือ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ราคาของมันอาจจะขึ้นสุดหรือลงสุด ตามแต่ลักษณะการซื้อขายในตลาด และผลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ อีกทั้งสินทรัพย์ดิจิทัลยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง แสดงว่า ในช่วงเวลาสั้นๆ อาจจะมีทั้งคนที่ขาดทุนสุดๆ และได้กำไรสุดๆ ไปพร้อมๆ กัน
ด้วยความผันผวนที่ว่า เราควรเห็นแท่งกราฟสีแดงที่แสดงถึงราคาปิดในแดนลบ และแท่งกราฟสีเขียวที่แสดงถึงราคาปิดในแดนบวก ในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน แต่ในช่วง 8 สัปดาห์ติดต่อกันนี้ เราพบแต่แท่งกราฟสีแดงเท่านั้น รวมถึงแนวโน้มของเส้นกราฟที่แสดงราคาก็ต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งแสดงถึงภาวะที่เงินลงทุนไหลออกจากระบบ และภาวะตลาดหมี (Bear Market) แบบสุดขั้ว รวมถึงยังสะท้อนถึงความคิดของนักลงทุนส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดีว่า ไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัลอีกต่อไป
ดังนั้น ในตลาดคริปโทฯ ตอนนี้ อาจจะเหลือเพียงนักลงทุนบางกลุ่มที่ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ หรือกลุ่มที่ยังเฝ้าดูความเป็นไปในตลาด ซึ่งในอนาคต คนกลุ่มหลังก็มีโอกาสลาจากตลาดนี้ไปเช่นกัน และอาจทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นเพียงสินทรัพย์ทางเลือกที่ไม่อาจก้าวขึ้นมา เป็นเบอร์หนึ่งในโลกการลงทุนได้สำเร็จ
จริงๆ แล้ว การตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนก็ขึ้นกับ ‘ตัวเราเอง’ เพียงคนเดียวอยู่ดี หากในตอนนี้ คุณกำลังลังเลกับแผนการลงทุนของตัวเอง อย่างน้อยก็ลองตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า “เราเชื่อใจในสินทรัพย์ที่ตัวเองลงทุนอยู่มากน้อยแค่ไหน?” หากคำตอบคือเชื่อใจ และรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ก็ไปต่อ แต่หากคำตอบคือไม่เชื่อใจ คุณก็สามารถหยุดความเสี่ยงนี้ได้ด้วยตัวเองเสมอ เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่กดซื้อ กดขาย และทำธุรกรรมต่างๆ ก็เป็นตัวเราเองทั้งสิ้น
Sources: https://bit.ly/3MI6tvE
https://bloom.bg/3lKMuRf
https://bloom.bg/3NFqPWF
https://bit.ly/3LEZthS
https://bit.ly/3LEZlio