7 รูปแบบของการเป็นผู้นำที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับทีม

Share

การเป็นหัวหน้าทีมที่มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บ่อยครั้งที่ต้องมีการลองผิดลองถูกจำนวนมากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามแต่ละสไตล์ความเป็นผู้นำของคุณเอง ในบางครั้งการทดลองผิดทดลองถูกก็เป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีกว่าไหมถ้าคุณจะรู้ว่ามีอะไรที่ควรหลีกเลี่ยง จะได้ไม่ต้องทดลองมันให้เสียเวลา

วันนี้ Future Trends มีเรื่องราวเกี่ยวกับรูปแบบของการเป็นผู้นำที่ไม่ค่อยจะส่งผลดีเสียเท่าไหร่ และคุณในฐานะของผู้นำควรจะหลีกเลี่ยง จะมีรูปแบบไหนบ้างสามารถไปหาคำตอบได้เลย

7 รูปแบบของการเป็นผู้นำที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับทีม

[ Hands-off มองว่าการเป็นผู้นำ คือการโยนงาน ]

รูปแบบที่หนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการเป็นผู้นำ คือ Hands-Off หรือ การไม่มีส่วนข้องเกี่ยวกับการทำงาน ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการโยนงานนั่นแหละ พวกเขาจะรู้สึกเพียงแค่ว่าการโยนงานเป็นหน้าที่ เมื่อเสร็จแล้วก็รอเพียงแค่การตรวงงานเท่านั่น แต่นี่คือสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลยสำหรับการเป็นผู้นำ

เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณไม่มีความใส่ใจในการทำงานของคนในทีมเลย ถึงแม้การมอบหมายงานจะเป็นหน้าที่ปกติของผู้นำ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องไม่มีส่วนช่วย ส่วนเกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ เลยแม้แต่น้อย ทางที่ดีคุณควรจะให้ความชช่วยเหลือด้านการ ‘Guide’ หรือ ‘แนะนำ’ นอกเหนือจากเพียงโยนงานอย่างเดียว

[ Absent ให้ความรู้สึกเหมือนความรักที่รู้ว่ามีแต่มองไม่เห็น ]

รูปแบบนี้จะแตกต่างเล็กน้อยจากสไตล์การเป็นผู้นำแบบไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ใจความหลักๆ จะคล้ายคลึงกัน คือ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนในทีม ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า รู้นะว่ามีผู้นำอยู่ แต่ไม่เคยที่จะเข้าถึงได้เลย เปรียบดังความรักที่รู้ว่ามีแต่มองไม่เห็น

การถอยออกมา และอนุญาตให้ทีมปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ให้มองว่าเป็นเรื่องหนึ่ง มันไม่สามารถทดแทนการที่คุณผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าแทบจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพวกเขาได้เลย มันจะส่งผลเสียไปถึงความไว้เนื้อเชื่อใจ และความสงสัยในหน้าที่การงานของคุณ ว่า ทำอะไรบ้าง?

[ Self-serving ผู้นำบริการตนเอง? ]

รูปแบบนี้จะค่อนข้างน่ากลัวที่สุด เรียกได้ว่าถ้าอยากเป็นผู้นำไม่ควรที่จะทำเช่นนี้เลย เพราะลักษณะนี้ไม่ใช่ลักษณะของผู้นำ เขาอยู่คนเดียว ไม่สนใจทีม ในสองรูปแบบที่ผ่านมา ยังมีความสนใจทีมแค่ไม่มีความสัมพันธ์แต่ในรูปแบบนี้ คือ อยู่คนเดียวอย่างแท้จริง ไม่เอาเลยแม้แต่ทีมตัวเองที่ต้องดูแล

ถ้าไม่มีทีม คุณจะเป็นผู้นำได้อย่างไร นอกจากนี้ หน้าที่ของผู้นำมีหลากหลาย แต่ไม่ใช่ว่าต้องทำเองไปทั้งหมด มันถึงเรียกว่าผู้นำ เพราะผู้นำมีทีม และผู้นำจัดการให้ทีมทำงานตามเป้าหมายได้ ไม่ใช่ผู้นำเท่ากับการทำงานด้วยตัวเอง

[ Inflexible ไม่ยืดหยุ่น ]

รูปแบบความเป็นผู้นำที่ไม่ยืดหยุ่นนั้น จะอ้างอิงจากลักษณะนิสัยของผู้นำที่ไม่เต็มใจในการเปลี่ยนแปลงเทคนิค หรือ วิธีการของพวกเขา พวกเขามักไม่ชอบรับคำติชม เพราะไม่ต้องการปรับความคิด หรือ พฤติกรรม ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อวัฒนธรรมองค์กร และขัดขวางความสำเร็จได้อีกด้วย

“ความเป็นผู้นำไม่ใช่สูตรสำเร็จ” คริสตี้ วอลเลซ(Kristy wallace) ซีอีโอของ Ellevate Network อธิบายว่า “มันเป็นแบบพลวัตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามขนาดของบริษัท สถานะของความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมของทีม และจุดแข็ง” เป็นการตอกย้ำว่าผู้นำที่ไม่ยืดหยุ่นนั้นเป็นสัญญาณที่แย่ต่อการเติบโต

[ Closed minded มีกำแพงเมืองจีนอยู่ในหัวใจ ]

ผู้นำรูปแบบนี้ อาจจะพบเจอไม่บ่อยนัก หรือไม่ก็จะพบเจอในหมู่ผู้นำที่มีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีหลังจากทำงานไปแล้ว เช่น สูญเสียคนรัก คนในทีมหักหลัง เป็นต้น ถึงแม้จะเจอเรื่องราวที่ร้ายแรงมา แต่มันไม่ใช่ข้ออ้างของการก่อกำแพงในใจ จนเป็นปัญหาให้กับทีม

ส่วนมากความร้ายแรกของผู้นำรูปแบบนี้ไม่รุนแรงทางผลลัพธ์มากนัก แต่จะรุนแรงในด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมที่หากปล่อยผ่านไปนานๆ จะกลายเป็น ‘พิษ’ ในที่ทำงานได้

[ Micromanagement ควบคุมทุกอย่าง(ที่สามารถควบคุมได้) ]

ผู้นำที่พยายามควบคุมทุกแง่มุมของการทำงานของทีม มักจะสูญเสียความเคารพจากพวกเขา การบอกพนักงานว่าต้องทำอะไร ควรทำเมื่อไหร่ และทำอย่างไร มันเป็นเหมือนการบั่นทอนกำลังใจในการทำงาน ว่าลูกทีมของคุณไม่มีประสิทธิภาพขนาดที่คิดเองไม่ได้เลยหรือ

การให้คำแนะนำเป็นเรื่องที่ดี แต่การควบคุมการทำงานทุกอย่าง จนทีมไม่มีอิสระมันไม่ใช่การให้คำแนะนำ แต่เป็นการควบคุมทีม ผู้นำที่ไว้วางใจเพื่อนร่วมทีม ให้ทำงานประจำวันโดยมีการควบคุมดูแลน้อยที่สุด สามารถพัฒนาความรู้สึกไว้วางใจภายในทีมได้ดี ซึ่งจะนำไปสู่การสื่อสารที่เปิดเผยและซื่อสัตย์ ตลอดจนวัฒนธรรมองค์กรที่ดี

[ Authoritarian ฉันคือผู้มีอำนาจสูงสุด ]

ผู้นำบางคนที่มีแนวโน้มจะแข็งกระด้างอย่างท่วมท้น จนกลายเป็น ‘เผด็จการ’ ในรูปแบบความเป็นผู้นำของพวกเขา (เราล้วนรู้กันอยู่เต็มอกว่าในความเป็นจริง บริบทการทำงานมันมีหรอกหลักการประชาธิปไตย) แต่การเป็นผู้นำรูปแบบนี้ส่งผลให้ทีมรู้สึกไม่เคารพอย่างยิ่ง ทำให้เกิดปัญหาภายในทีม

ในฐานะผู้นำ คุณมีหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้คำแนะนำ พัฒนาบุคคล แต่ไม่มีข้อไหนเลยที่บอกให้คุณกลายเป็นเผด็จการเมื่อเป็นผู้นำ

ท้ายที่สุดนี้ การพัฒนารูปแบบการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพเป็น ‘กุญแจ’ สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของทีมคุณ จงหลีกเลี่ยงกลยุทธ์การจัดการเชิงลบทั้ง 7 รูปแบบนี้ ทาง Future Trends ไม่ได้ตัดสินความเป็นปัจเจกบุคคลของการทำงานในฐานะผู้นำเพียงแต่นำเสนอความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าคุณมีลักษณะที่ไม่ดี และควรหลีกเลี่ยง เพื่อการเป็นผู้นำที่ดีที่สุดสำหรับพวกคุณ

เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์

Sources:

https://www.theladders.com/career-advice/these-are-the-7-worst-leadership-styles

https://hrdqstore.com/blogs/hrdq-blog/negative-leadership-styles