โควิด – 19 มีการกลายพันธุ์ต่อเนื่องตั้งแต่ อัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา จนมาเป็น ‘โอมิครอน’ ตั้งแต่ปลายปี 2021 หลังจากนั้น โอมิครอนก็แตกสายพันธุ์ย่อยอีกมากมาย ก่อนกลายเป็น XBB.1.5 สายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่า ‘ติดเชื้อง่ายที่สุด’ และคาดว่าจะเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วโลกในปี 2023
XBB.1.5 เริ่มพบการระบาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปลายปี 2022 และกำลังลุกลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว แต่นับถึงวันที่ 5 มกราคม 2023 ยังไม่มีรายงานยืนยันพบการแพร่ระบาดในประเทศไทย ถึงกระนั้น หลายคนเกรงว่า หากเกิดการระบาดเข้ามาในช่วงจีนเปิดประเทศ วันที่ 8 มกราคมนี้ สถานการณ์อาจเลวร้ายและน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
ท่ามกลางความกังวลดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์ยังคงพยายามทำความเข้าใจโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ให้กระจ่างชัด และนี่คือข้อมูลล่าสุดที่ผู้เชี่ยวชาญสามารถตอบได้เกี่ยวกับสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5
วิวัฒนาการมาจาก XBB
XBB.1.5 เชื่อว่า มีความคล้ายคลึงกับสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้าของโอมิครอน โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่ยังไม่สามารถยืนยันผลกระทบอื่นที่แน่ชัดได้
XBB.1.5 มีวิวัฒนาการมาจากสายพันธุ์ XBB ที่เริ่มแพร่ระบาดในอังกฤษตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 นอกจากนี้ยังพบการระบาดที่อินเดีย และสิงคโปร์ แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังไม่จัดให้อยู่ในหมวดหมู่โรคที่น่าวิตก เนื่องจาก XBB แม้จะหลบภูมิคุ้มกันเก่ง แต่คุณสมบัตินี้ก็ทำให้มันลดความสามารถในการยึดจับเซลล์ของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของ XBB.1.5 ศาสตราจารย์เวนดี บาร์เคลย์ (Wendy Barclay) จากสถาบันอิมพีเรียล คอลเลจ ในกรุงลอนดอน บอกว่า มันกลับมาพัฒนาความสามารถในการยึดเกาะเซลล์ได้ดีขึ้นอีกครั้ง ทำให้นอกจากจะหลบภูมิคุ้มกันได้ดี ยังแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว
นักวิทยาศาสตร์จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2023 ว่า XBB.1.5 มีศักยภาพในการแพร่ระบาดเหนือกว่าทุกสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้น แต่ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่า มันจะทำอันตรายได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นของโอมิครอน
XBB.1.5 น่ากลัวแค่ไหน?
แม้จนถึงขณะนี้ ทั่วโลกยังไม่สามารถยืนยันอันตรายของโควิดสายพันธุ์ XBB.1.5 ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ศาสตราจาย์บาร์เคลย์ ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มีเครื่องบ่งชี้ว่า โควิดสายพันธุ์นี้จะทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วมีอาการติดเชื้อขั้นรุนแรง ยกเว้นกลุ่มผู้เปราะบาง รวมถึงผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ
ศาสตราจารย์เดวิด เฮย์มานน์ (David Heymann) จากวิทยาลัยการแพทย์เขตร้อนและสุขอนามัยกรุงลอนดอน (London School of Hygiene and Tropical Medicine) กล่าวว่า เขาไม่กังวลอันตรายในประเทศที่ประชาชนได้รับวัคซีนหรือเคยติดเชื้อโควิดมาก่อนแล้วในอัตราสูง
แต่ที่น่าวิตก คือ ประเทศอย่างจีน ซึ่งมีอัตราฉีดวัคซีนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติน้อย เนื่องจากอยู่ภายใต้มาตรการ ‘ล็อกดาวน์’ มานาน
“จีนจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลทางการแพทย์เกี่ยวกับคนที่ติดเชื้อเพื่อศึกษาพฤติกรรมการทำงานของโควิดสายพันธุ์นี้ในหมู่ประชากรที่ไร้ภูมิคุ้มกัน” ศาตราจารย์เฮย์มานน์ กล่าว
ท่ามกลางความวิตกว่า XBB.1.5 จะกลายเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดใหญ่ทั่วโลก บรรดาผู้เชี่ยวชาญในวงการสาธารณสุขยังคงแนะนำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว อย่าเพิ่งหวาดวิตก
ธุรกิจห้างร้านและประชาชนทั่วไป สามารถป้องกันตัวด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่แออัด และล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสใบหน้า หรือกินอาหาร
เมื่อสงสัยว่าตนเองอาจติดเชื้อ ให้รีบตรวจและแยกตัวจากผู้อื่น และที่สำคัญ ต้องหมั่นติดตามข่าวสารเพื่ออัปเดตข้อมูลให้ทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอ
เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun
Sources: https://bit.ly/3jUNHHO